วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ตรงไปเลย(ตอนสุดท้าย)

ภายใต้พันธสัญญาเดิม ความรอดและความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้าได้มาโดยความเชื่อที่แสดงออกโดยการเชื่อฟังบทบัญญัติของพระองค์ และระบบการถวายเครื่องบูชา เครื่องบูชาในพันธสัญญาเดิมมีความมุ่งหมาย ๓ ประการคือ ประการแรก พระเจ้าต้องการสอนประชากรของพระองค์ ให้รู้จักความรุนแรงของบาป บาปแยกมนุษย์ออกจากพระเจ้าผู้ซึ่งทรงความบริสุทธิ์ และการคืนดีกันเพื่อที่มนุษย์จะได้รับการอภัยบาปก็โดยทางการหลั่งเลือดเท่านั้น(อพย.๑๒:๓-๑๔) ประการที่สอง เป็นการจัดเตรียมหนทางให้ชนชาติอิสราเอลเข้าหาพระเจ้าได้โดย ความเชื่อ การเชื่อฟัง และความรัก(ฮบ.๔:๑๖) และประการที่สาม เป็นการชี้ให้เห็นหรือเป็นเงาเล็งถึง เครื่องบูชาอันสมบูรณ์ของพระเยซูคริสต์เพื่อไถ่บาปของมวลมนุษย์(๑ปต.๑:๑๘-๑๙) จากเหตุผลประการที่สาม เยเรมีย์พยากรณ์ว่าในอนาคตพระเจ้าจะทรงทำพันธสัญญาใหม่ที่ดีกว่ากับประชากรของพระองค์ “พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับประชาอิสราเอลและประชายูดาห์ 32ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้กระทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย เมื่อเราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเขาผิด ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีของเขา พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ 33แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับประชาอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เราจะบรรจุพระธรรมไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขาทั้งหลาย และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา 34และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านของตนและพี่น้องของตนแต่ละคนอีกว่า 'จงรู้จักพระเจ้า' เพราะเขาทั้งหลายจะรู้จักเราหมดตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เพราะเราจะให้อภัยบาปชั่วของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาทั้งหลายอีกต่อไป"(ยรม.๓๑:๓๑-๓๔) เป็นพันธสัญญาที่ดีกว่าเดิม เพราะมีการให้อภัยบาปแก่ผู้กลับใจให้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เราได้เป็นบุตรของพระเจ้า พระองค์ให้ใจ และธรรมชาติใหม่ เพื่อเราจะรัก และเชื่อฟังพระองค์โดยไม่ลังเลใจ(ฮบ.๘:๑๐)องค์พระเยซูตรัสว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา 7ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเราแล้ว ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย ตั้งแต่นี้ไปท่านก็จะรู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์"(ยน.๑๔:๖-๗) พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้สถาปนาพันธสัญญาใหม่ และพระราชกิจในสวรรค์ของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่กว่าการรับใช้ของเหล่าปุโรหิตบนโลกในพันธสัญญาเดิม พันธสัญญาใหม่เป็นข้อตกลง ที่บ่งบอกพระประสงค์ในการมอบพระคุณ และพระพรของพระเจ้าลงมาเหนือผู้ที่ตอบสนองต่อพระเจ้าด้วยความเชื่อที่เชื่อฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพันธสัญญาแห่งพระสัญญาสำหรับผู้ที่ยอมรับ พระเยซูคริสต์โดยความเชื่อว่า พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า รับพระสัญญาของพระองค์ และอุทิศตนแด่พระองค์ และมีความรับผิดชอบในพันธสัญญาใหม่เป็นการส่วนตัว  
        “เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้แล้วว่า "เครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆและเครื่องเผาบูชา และเครื่องบูชาลบบาป (ที่เขาได้บูชาตามพระบัญญัตินั้น) พระองค์ไม่ทรงประสงค์และไม่ทรงพอพระทัย 9แล้วพระองค์จึงตรัสว่า "ข้าพระองค์มาแล้วพระเจ้าข้า เพื่อจะกระทำตามน้ำพระทัยพระองค์ พระองค์ทรงยกเลิกระบบเดิมนั้นเสีย เพื่อจะทรงตั้งระบบใหม่ 10และโดยน้ำพระทัยนั้นเองที่เราทั้งหลายได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น 11ฝ่ายปุโรหิตทุกคนก็ยืนปฏิบัติกิจอยู่ทุกวัน โดยการนำเครื่องบูชาอย่างเดียวกันมาถวายเนืองๆเครื่องบูชานั้นจะลบล้างบาปไม่ได้เลย 12แต่เมื่อพระคริสต์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องสัตวบูชา เพราะบาปเพียงครั้งเดียวเป็นเครื่องบูชาที่ลบบาปได้ตลอดไป พระองค์ก็เสด็จประทับเบื้องขวาของพระเจ้า 14โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์”(ฮบ.๑๐:๘-๑๒,๑๔) องค์พระเยซูคริสต์ในฐานะคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ ตั้งอยู่บนพื้นฐานการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เพื่อถวายเป็นเครื่องบูชา เครื่องบูชาของพระเยซูคริสต์ดีกว่าเครื่องบูชาในพันธสัญญาเดิม เพราะเป็นเครื่องบูชาที่ถวายด้วยความสมัครใจ และการเชื่อฟังของผู้ชอบธรรมผู้หนึ่งแทนที่จะเป็นสัตว์ที่ไม่ได้สมัครใจเป็นเครื่องถวายบูชา เครื่องบูชาของพระคริสต์ และการกระทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ เป็นสิ่งที่สมบูรณ์ครบถ้วน ดังนั้น จึงเปิดทางไปสู่การอภัยบาป การกลับคืนดี และการชำระให้บริสุทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุผลนี้ย่อมพูดได้ว่า “พระองค์คือทางที่จะไปถึงที่นั้น” ถึงแม้เราไม่รู้ว่าที่ประทับของพระบิดาอยู่ตรงไหนของจักรวาลนี้ แต่โดยทางพระเยซูคริสต์ เราจะสามารถไปที่นั้นได้ และสามารถเข้าไปอยู่ที่สวรรค์ได้ด้วย เพราะเรารู้จักกับพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของสวรรค์ นั้นคือ การที่เรารู้จักพระเยซูคริสต์ก็เท่ากับเรารู้จักกับพระเจ้าด้วย(ยน.๑๔:๗) ..................... เอเมน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น