วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

และแล้ว...ก็ผ่านไป (ตอนสุดท้าย)


           ในเมืองลิสตราและเมืองเดอร์บี เหตุการณ์นี้จะทำให้เห็นภาพการรับใช้ของท่านที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ลำบาก กจ.14:8-19 ที่เมืองลิสตรามีชายขาพิการคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาเป็นง่อยมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยเดินเลย 9 คนนั้นนั่งฟังเปาโลพูด เปาโลมองตรงไปที่เขาเห็นว่าเขามีความเชื่อที่จะได้รับการรักษาให้หายได้ 10 จึงร้องว่าจงลุกขึ้นยืน!คนนั้นก็กระโดดขึ้นยืนและเริ่มเดินไป11 เมื่อฝูงชนเห็นสิ่งที่เปาโลได้ทำก็ร้องตะโกนเป็นภาษาลิคาโอเนียว่า เหล่าเทพเจ้าได้จำแลงเป็นมนุษย์ลงมาหาพวกเราแล้ว!” 12 พวกเขาเรียกบารนาบัสว่าเทพเจ้าซุสและเรียกเปาโลว่าเทพเจ้าเฮอร์เมสเพราะส่วนใหญ่เปาโลเป็นผู้พูด 13 ปุโรหิตของเทพเจ้าซุสซึ่งวิหารอยู่นอกเมืองไปเล็กน้อยได้นำโคและพวงมาลามาที่ประตูเมืองเพราะเขากับฝูงชนประสงค์จะถวายเครื่องบูชาแก่เปาโลกับบารนาบัส14 แต่เมื่ออัครทูตบารนาบัสกับเปาโลได้ยินเรื่องนี้ก็ฉีกเสื้อผ้าแล้วถลันเข้าไปกลางฝูงชนและตะโกนว่า 15 “ท่านทั้งหลาย เหตุใดจึงทำเช่นนี้? เราเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่าน เรานำข่าวประเสริฐมาเพื่อให้ท่านหันจากสิ่งไร้ค่าเหล่านี้มาหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล และสรรพสิ่งในนั้น 16 ในอดีตพระองค์ทรงปล่อยประชาชาติทั้งปวงไปตามทางของเขา 17 กระนั้นพระองค์โปรดให้มีพยานหลักฐานถึงพระองค์เอง คือทรงสำแดงพระคุณโดยประทานฝนจากฟ้าสวรรค์และพืชผลตามฤดูกาล พระองค์ประทานอาหารอันอุดมสมบูรณ์แก่ท่านและให้จิตใจของท่านเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดี” 18 แม้กล่าวเช่นนี้แล้วก็ยังยากที่เขาทั้งสองจะห้ามฝูงชนไม่ให้ถวายเครื่องบูชาแก่พวกเขา 19 แล้วพวกยิวบางคนมาจากเมืองอันทิโอกและเมืองอิโคนียูมและชักจูงฝูงชนให้มาเป็นพวกตนได้สำเร็จพวกเขาเอาหินขว้างเปาโลและลากออกนอกเมืองเพราะคิดว่าเขาตายแล้ว มีอยู่ครั้งหนึ่ง อ.เปาโลได้รักษาคนง่อยในเมืองลิสตราให้หายเป็นปกติ เมื่อผู้คนเห็นการอัศจรรย์นี้ พวกเขาก็ยกย่องอ.เปาโลกับบาร์นาบัสว่าเป็นเทพแปลงกายมา ทั้งสองคนต้องพยายามห้ามปรามฝูงชนไม่ให้บูชาพวกเขา แต่ต่อมาไม่นาน พวกผู้นำศาสนาชาวยิวมาที่เมืองนี้และพูดใส่ร้ายอ.เปาโลกับบาร์นาบัส ฝูงชนก็เชื่อและเอาหินขว้างอ.เปาโลจนสลบแน่นิ่งไปจากนั้นก็ลากเขาออกไปนอกเมืองเพราะคิดว่าตายแล้ว
          กจ.14:21-22  พวกเขาประกาศข่าวประเสริฐในเมืองนั้นและมีคนมากมายมาเป็นสาวก จากนั้นพวกเขากลับไปยังเมืองลิสตรา เมืองอิโคนียูม และเมืองอันทิโอก 22 เพื่อช่วยให้พวกสาวกเข้มแข็งขึ้นและให้กำลังใจพวกเขาให้สัตย์ซื่อมั่นคงในความเชื่อ พวกเขากล่าวว่า เราต้องเผชิญความยากลำบากมากมายเพื่อเข้าอาณาจักรของพระเจ้า พอ อ.เปาโลฟื้น ท่านกับบาร์นาบัสก็ไปประกาศในเมืองเดอร์บีต่อไป หลังจากนั้นทั้งสองก็กลับไปยังเมืองลิสตรา เมืองอิโคนียูม และเมืองอันทิโอก แล้วช่วยให้พวกสาวกมีใจเข้มแข็ง และชูใจพวกเขาให้มีความเชื่อที่มั่นคง โดยกล่าวว่า “พวกเราต้องผ่านความทุกข์ลำบากมากมายก่อนจะเข้าอาณาจักรของพระเจ้า”
          แต่การคิดอย่างนี้ก็ไม่ได้ทำให้หายท้อใจเป็นปลิดทิ้ง บางคนอาจต้องรับมือกับความท้อใจที่กลับมาเป็นพัก ๆ จนกว่าจะถึงวันพิพากษา แต่อย่าลืมว่า คนที่ไม่ยอมแพ้เท่านั้นจะได้รับรางวัล (ฟป.3:14ข้าพเจ้ารุดหน้าไปสู่หลักชัยเพื่อคว้ารางวัลซึ่งพระเจ้าได้ทรงเรียกข้าพเจ้าจากสวรรค์ผ่านทางพระเยซูคริสต์ให้ไปรับ) ถ้าพวกเราอดทนกับความทุกข์ลำบากในตอนนี้ พวกเราจะได้รับรางวัล ผู้เชื่อที่ เชื่อและกระทำตามองค์พระเยซูคริสต์จะได้รับชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์เป็นรางวัล พวกเขาจะเป็นกษัตริย์ปกครองร่วมกับพระองค์ที่นั่น ดังนั้นเมื่อตื่นนอนในแต่ละวันขอให้คิดเสมอว่า พวกเราต้องเตรียมตัวตลอดเวลาเพราะวันเวลาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาปกครองโลกก็ใกล้เข้ามาแล้ว (มธ.24:44 ดังนั้นท่านก็ต้องเตรียมพร้อมไว้เช่นกันเพราะบุตรมนุษย์จะมาในยามที่ท่านไม่คาดคิด) และเมื่อถึงตอนนั้น โลกจะมีแต่ความสงบสุข ทุกคนจะเป็นคนสมบูรณ์ทั้งทางกายและทางใจ ถึงแม้ตอนนี้พวกเราเจอความทุกข์ลำบากมากมาย แต่ขอให้พวกเราดำเนินชีวิตติดสนิทกับองค์พระเยซูคริสต์ และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ได้

เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ท้อใจ ถึงแม้กายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป
แต่จิตใจภายในของเรากำลังฟื้นขึ้นใหม่ทุกวัน เพราะความทุกข์ลำบาก
เล็กๆ น้อยๆ เพียงชั่วคราวของเราทำให้เราได้รับศักดิ์ศรีนิรันดร์
ซึ่งเหนือกว่าสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดมากมายนัก
2คร.4:16-17

อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น