ลักษณะชีวิต
จุดดีในชีวิต
1.ชีวิตที่อยู่ใกล้พระเจ้า ปฐก.39:2-3พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ โยเซฟจึงเจริญรวดเร็ว
เขาอยู่ในบ้านคนอียิปต์นายของเขา 3นายก็เห็นว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟและพระเจ้าทรงโปรดให้การงานทุกอย่างที่กระทำเจริญขึ้นมากในมือของโยเซฟ พระเจ้าทรงอวยพรโยเซฟแม้ว่าเขาต้องทนทุกข์เพราะเหตุความชอบธรรม แต่พระเจ้าก็ทรงอวยพรเขาโดยทรงทำให้เขาเจริญขึ้นและทรงทำให้เขาได้รับการเลื่อนขั้นแน่นอนที่ว่าพระเจ้าทรงอวยพรคนชอบธรรมจริงๆ
2. ชีวิตที่สัตย์ซื่อในการงาน
ปฐก.39:5-6
ตั้งแต่โปทิฟาร์ตั้ง โยเซฟให้เป็นผู้ดูแลการงานในบ้าน
และทรัพย์สิ่งของทั้งปวงของท่านแล้ว
พระเจ้าก็ได้ทรงอำนวยพระพรให้แก่ครอบครัวของคนอียิปต์นั้น เพราะเห็นแก่
โยเซฟ
ทั้งทรงอวยพรให้สิ่งของทั้งปวงซึ่งเขามีอยู่ในบ้าน และในนาให้เจริญขึ้น 6นายมอบของทุกอย่างของเขาไว้ในความดูแลของโยเซฟ เมื่อมีโยเซฟแล้ว
เขาก็มิได้เอาใจใส่สิ่งใดเลย เว้นแต่อาหารที่ท่านรับประทาน
โยเซฟได้ประสบกับการอวยพรของพระเจ้าขณะที่เขาได้รับใช้ในบ้านของโปทีฟาร์อย่างสัตย์ซื่อ
เขาได้พิสูจน์ว่าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อยและดังนั้นพระเจ้าได้วางเขาไว้ในการดูแลของมากขึ้น
จงสังเกตว่าพระเจ้าได้อวยพรโปทีฟาร์ เนื่องจาก โยเซฟ
3. ชีวิตที่หนีจากบาป ปฐก.39:7-23 โยเซฟนั้นเป็นคนสวยหน้าตาคมคาย
อยู่มาภายหลังภรรยาของนายมองดูโยเซฟด้วยความปฏิพัทธ์ และชวนว่า
"มานอนกับฉันเถิด" 8 แต่โยเซฟไม่ยอม
จึงตอบแก่ภรรยาของนายว่า "คิดดูเถิด เมื่อมีข้าพเจ้า
นายก็มิได้ห่วงสิ่งใดซึ่งอยู่ในบ้านเรือน
ได้มอบของทุกอย่างที่มีอยู่ไว้ในมือข้าพเจ้า 9 ในบ้านนี้
นายก็ไม่ใหญ่กว่าข้าพเจ้า นายมิได้หวงสิ่งใดจากข้าพเจ้า
ยกเสียแต่ตัวท่านเพราะเป็นภรรยาของนาย ข้าพเจ้าจะทำความผิดใหญ่หลวงนี้อันเป็นบาปต่อพระเจ้าอย่างไรได้"
10 แม้นางชวนโยเซฟวันแล้ววันเล่า
โยเซฟก็ไม่ยอมนอนกับนางหรืออยู่ด้วยกัน 11 วันหนึ่ง
โยเซฟเข้าไปในบ้านเพื่อทำธุรการงานของเขา ไม่มีชายประจำบ้านคนใดอยู่ในนั้น
12 นางก็คว้าเสื้อผ้าโยเซฟเหนี่ยวรั้งไว้ แล้วพูดว่า
"มานอนอยู่กับฉันเถิด" แต่
โยเซฟทิ้งเสื้อผ้าไว้ในมือนางหนีไปข้างนอก
13 เมื่อนางเห็นว่า โยเซฟทิ้งเสื้อผ้าไว้ในมือของนาง
หนีไปข้างนอกแล้ว 14 นางก็ร้องเรียกชายประจำบ้านของตนมาบอกว่า
"ดูซิ นายเอาคนชาติฮีบรูมาไว้ทำความหยาบคายแก่เรา มันเข้ามาหาจะนอนกับฉัน
แต่ฉันร้องเสียงดัง 15 เมื่อมันได้ยินฉันร้องขึ้น
มันก็ทิ้งเสื้อผ้าไว้กับฉันหนีไปข้างนอก" 16 แล้วนางก็เก็บเสื้อผ้าไว้ใกล้ตัวจนนายกลับมาบ้าน 17 แล้วนางก็บอกกับนายดังนี้ว่า
"อ้ายบ่าวชาติฮีบรูที่ท่านนำมาไว้นั้น เข้ามาหาจะทำหยาบคายแก่ฉัน 18 เมื่อฉันร้องขึ้น มันก็ทิ้งเสื้อผ้าไว้กับฉันหนีไปข้างนอก"
19
ครั้นนายได้ฟังคำภรรยาบอกว่า
"บ่าวของท่านทำกับฉันดังนั้น" ก็โกรธนัก 20 จึงเอาโยเซฟไปจำไว้ในคุกที่ที่ขังนักโทษหลวง
โยเซฟก็ต้องจำอยู่ที่นั่น 21 แต่ว่า
พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ และทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่เขา ทรงโปรดให้พัศดีเมตตาปรานีเขา
22 พัศดีก็มอบนักโทษทั้งปวงที่ในเรือนจำไว้ในความดูแลของโยเซฟ
การงานที่ทำในที่นั้นทุกอย่างโยเซฟเป็นผู้รับผิดชอบ 23 พัศดีไม่ได้เอาใจใส่การงานใดๆ
ที่โยเซฟดูแล เพราะเหตุพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับท่าน และการงานใดๆ
ที่ท่านกระทำพระเจ้าก็ทรงโปรดให้เจริญ
ภรรยาของเจ้านายของเขาได้ล่อลวงเขาหลายครั้ง
แต่เขาได้ปฏิเสธข้อเสนอของเธอเพราะว่าเขาไม่ต้องการที่จะทำบาปต่อพระเจ้าและทรยศต่อความวางใจของโปทีฟาร์
โยเซฟได้ชื่นชมกับพระพรที่อุดมสมบูรณ์ของพระเจ้าต่อไปแม้กระทั้งเขาถูกจำจองไว้ในคุกเนื่องจากการกล่าวหาผิดๆ
4. ชีวิตที่ให้เกียรติพระเจ้าเสมอ
ปฐก.41:14-16 ฟาโรห์จึงรับสั่งให้เรียกโยเซฟมา เขาก็รีบไปเบิกตัวโยเซฟออกมาจากคุกใต้ดินครั้นโยเซฟโกนศีรษะผลัดเสื้อผ้าแล้วก็เข้าเฝ้าฟาโรห์ 15 ฟาโรห์ตรัสแก่โยเซฟว่า
"เราฝันไป หามีผู้ใดแก้ฝันได้ไม่ เราได้ยินว่า เมื่อเจ้าได้ฟังความฝัน
เจ้าก็แก้ฝันได้" 16 โยเซฟจึงทูลตอบฟาโรห์ว่า
"การแก้ฝันมิได้อยู่ที่ข้าพระบาท
พระเจ้าต่างหากจะประทานคำตอบอันควรแก่ฟาโรห์"
ฟาโรห์บอกเขาว่าตนฝันความฝันหนึ่งและไม่มีใครแก้ฝันให้แก่ตนได้ เขาได้ยินมาว่าโยเซฟสามารถแก้ฝนได้ โยเซฟได้แต่ยอมรับพระเจ้าของเขา
“การแก้ฝนมิได้อยู่ที่ข้าพระองค์ พระเจ้าต่างหากจะประทานคำตอบอันเป็นสุขแด่ฟาโรห์”
โยเซฟให้เกียรติพระเจ้าเสมอ และไม่น้อยใจต่อการเข้าไปอยู่ในคุก
5. ชีวิตที่เปี่ยมด้วยความรัก ปฐก.45:4-5โยเซฟจึงบอกพี่ชายว่า
"เชิญเข้ามาใกล้เราเถิด" เขาก็เข้ามาใกล้ แล้วโยเซฟว่า
"เราคือโยเซฟน้องที่พี่ขายมายังอียิปต์ 5 แต่บัดนี้
อย่าเสียใจไปเลย อย่าโกรธตัวเองที่ขายเรามาที่นี่ เพราะว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้มาก่อนหน้าพี่
เพื่อจะได้ช่วยชีวิต แม้ว่าพี่ชายทำกับโยเซฟมากมาย
แต่โยเซฟได้สำแดงชีวิตด้วยความรักกับพวกเขา พระเจ้าของโยเซฟนั้นได้ทำให้เขากรุณายกโทษและยอมรับแทนที่จะข่มขื่นและแก้แค้น
โยเซฟได้เห็นถึงความรักของพระเจ้าของเขาอยู่ เบื้องหลังความโหดเหี้ยมของพวกพี่ชายของเขา
เขาได้ยอมรับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขานั้น เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ดังนั้นเขาจึงได้รับพระพรของพระเจ้า
การกลับคืนดีกันนั้นเป็นไปได้เมื่อมีการยกโทษ และการยกโทษนั้นเป็นไปได้ เมื่อมีการรับรู้ถึงอำนาจของพระเจ้า
จุดอ่อนในชีวิต
1. คนช่างฟ้อง ปฐก.37:2 ต่อไปนี้ เป็นประวัติครอบครัวของยาโคบ เมื่อโยเซฟอายุได้สิบเจ็ดปีไปเลี้ยงสัตว์อยู่กับพวกพี่ชาย
เขาเป็นเด็กหนุ่มอยู่กับบุตรของนางบิลฮาห์ และศิลปาห์ภรรยาบิดาของตน
โยเซฟเอาความผิดของพี่ชายมาเล่าให้บิดาฟัง
โยเซฟมีนิสัยเป็นคนช่างฟ้อง
ชอบเอาเรื่องพี่ๆ ไปฟ้องพ่อ เอาความผิดไปรายงานให้ทราบเสมอ โยเซฟพร้อมกับ พวกพี่ชายของเขาช่วยเลี้ยงฝูงแกะของบิดาอยู่ขณะนั้น
เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นพฤติกรรมอันไม่ชอบธรรม ทามกลางพวกพี่ชายและ ไปเล่าเรื่องนี้แก่บิดายังความไม่พอใจแก่พวกพี่ๆ
ของเขามาก
2. คนช่างฝัน ปฐก.37:5-8 คราวหนึ่ง โยเซฟฝัน แล้วเล่าให้พวกพี่ชายฟัง
พวกพี่ชายยิ่งชังโยเซฟมากขึ้น 6โยเซฟเล่าว่า "ฟังความฝันซึ่งฉันฝันเห็นซิ 7
พวกเรากำลังมัดฟ่อนข้าวอยู่ในนา ทันใดนั้น ฟ่อนข้าวของฉันตั้งขึ้นยืนตรง
แต่ฟ่อนข้าวของพวกพี่ๆ มาแวดล้อมกราบไหว้ฟ่อนข้าวของฉัน" 8 พวกพี่ชายจึงถามโยเซฟว่า
"เจ้าจะปกครองเรากระนั้นหรือ เจ้าจะมีอำนาจครอบครองเราหรือ"
พวกพี่ชายก็ยิ่งชังโยเซฟมากขึ้นอีกเพราะความฝัน และเพราะคำของเขา
; ปฐก.37:9-10 ต่อมา โยเซฟก็ฝันอีก
จึงเล่าให้พี่ชายฟังว่า "ฉันฝันอีกครั้งหนึ่ง เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
และดาวสิบเอ็ดดวงกำลังกราบไหว้ฉัน" 10 เมื่อเล่าให้บิดา
และพวกพี่ชายกับน้องฟัง บิดาก็เตือนโยเซฟว่า "ความฝันที่เจ้าได้ฝันเห็นนั้น
หมายความว่าอะไร เรากับมารดาและพี่น้องของเจ้า
จะมาซบหน้าลงถึงดินกราบไหว้เจ้ากระนั้นหรือ" 11 พวกพี่ชายอิจฉาโยเซฟ
บิดาก็นิ่งตรองเรื่องนี้อยู่แต่ในใจ ช่องว่างระหว่างโยเซฟกับพวกพี่ๆอีกสิบคนก็ยิ่งขยายกว้างยิ่งขึ้นเพราะความฝันแบบคำพยากรณ์
พระเจ้าได้ทรงประทานแก่เขา เขาบอกพวกพี่ว่าในความฝันพวกเขาทุกคนกำลังมัดฟ่อนข้าวอยู่ในทุ่งนา
ฟ่อนข้าวของเขาตั้งขึ้นยืนตรงและของพวกพี่ก็ “มาแวดล้อมกราบไหว้”
ฟ่อนข้าวของเขาโยเซฟมีความฝันอีกครั้งซึ่งในความฝันนั้น“ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวสิบเอ็ดดวงกำลังกราบไหว้ข้าพเจ้า” พี่ๆของเขาไม่เพียงเกลียดชังเขามากขึ้นเท่านั้น แต่แม่แต่บิดาของเขาก็เริ่มเดือดดาลแล้วและตำหนิเขา
พวกเขาทุกคนเข้าใจความหมายแฝงของความฝันของเขา สักวัน หนึ่งคนทั้งครอบครัว
จะก้มกราบลงต่อหน้าโยเซฟ แม้ว่านั้นเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลาต่อมาจริงๆ แต่ขณะนั้น
ความคิดดังกล่าวไม่ทำให้โยเซฟเป็นที่รักในสายตาของใครเลย
ข้อคิดจากชีวิตโยเซฟ
ประการแรก กระทำตนให้เป็นประโยชน์เสมอ
ไม่ว่า โยเซฟจะตกลงในสถานการณ์ใด เขาใช้ชีวิตของเขาที่จะทำสิ่งดีสร้างเสริมคุณประโยชน์แก่ที่นั้น และแก่คนต่างๆ ที่อยู่ในที่นั้น ในสถานการณ์ที่ตกต่ำ
แทนที่โยเซฟจะมัวแต่นั่งซึมเศร้าคิดสงสารตนเองที่ถูกรังแก ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้ง
ถูกใส่ร้าย และจิปาถะ แต่โยเซฟทำตัวให้เกิดประโยชน์แก่เจ้านาย และ คนอื่นๆ
ที่อยู่ในที่นั้น ไม่ว่าในบ้านของโปทิฟาร์ ในคุกหลวง
ในการเตรียมการรับมือกับมหาภัยพิบัติ
หรือแม้แต่เผชิญหน้ากับบรรดาพี่ชายที่เคยเฉดหัวเขาให้ออกจากบ้านต้องพบกับความทุกข์ระกำลำบาก
ประการที่สอง ติดสนิทกับพระเจ้าเสมอ ชีวิตของ โยเซฟมีลักษณะพิเศษคือ เขาติดสนิทกับพระเจ้าในทุกสถานการณ์ชีวิต พระคัมภีร์จะบอกในทุกสถานการณ์ชีวิตว่า พระเจ้าสถิตอยู่กับโยเซฟ การสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้านี่เองที่ทำให้เกิดผลสำคัญในชีวิตของโยเซฟคือ คนรอบข้างในที่นั้นเห็นถึงการสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าในชีวิตของโยเซฟ และการงานทุกอย่างพระเจ้าประทานความสำเร็จ
เช่น เมื่อต้องเป็นทาสในเรือนของโปทิฟาร์
ประการที่สาม ชีวิตที่ดำเนินไปด้วยความเชื่อ
โยเซฟมีความเชื่อว่า ทุกสถานการณ์ชีวิตที่เกิดขึ้นกับเขา พระเจ้าสถิตอยู่ด้วย และใช้ชีวิตของเขาในทุกสถานการณ์ตามพระประสงค์ของพระองค์ ดังนั้นโยเซฟจึงเชื่อมั่นว่าทุกสถานการณ์ชีวิตพระเจ้าจะใช้ท่านให้มีชีวิตที่เกิดผลดีแก่ผู้คนรอบข้างในที่นั้นๆ
-------------------------------------
อ่านบทความอื่นๆได้ที่http://theword-15.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น