วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ปรับตัว...ปรับใจ (ตอนแรก)


เพราะว่า พระเจ้าทรงช่วยข้าพเจ้า เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่ขายหน้า
เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงตั้งหน้าของข้าพเจ้าอย่างหินเหล็กไฟ
และข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้อาย
อสย 50:7

          เมื่อ เปโตร เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ใหม่ๆ นั้น เขาเป็นคนใจร้อนหุนหันพลันแล่น และประสบกับความยุ่งยากอยู่เสมอ นอก
จากนั้นเปโตรยังเป็นคนขี้ขลาดตาขาวอยู่ด้วย เขาไม่ยอมรับต่อหญิงรับใช้ว่า เขาเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์(มธ.26:71-72) แต่ต่อมาภายหลัง     เปรโตกลายเป็นคนกล้าหาญ และไม่เกรงกลัวแม้จะถูกเฆี่ยนตีและจำคุก เพราะพระนามของพระเยซูคริสต์ เปโตรได้เจริญรอยตาม
พระบาทของพระเยซูคริสต์อย่างใกล้ชิด “เพราะว่า ผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้ว ผู้นั้นพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉายแห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก” (รม.8:29) นั้นหมายความว่า การที่พระเจ้าทรงเลือกสรรคนของพระองค์ไว้ ก็เพื่อให้เราเจริญรอยตามแบบพระฉายาของพระเยซูคริสต์ หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พระเจ้าจะทรงกระทำให้เราเป็นเหมือนพระองค์ พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเป็นผู้ที่บริบูรณ์ในการทุกสิ่ง ตรงกันข้ามกับเราที่ยังคงเป็นคนบกพร่องผิดบาป อยู่ห่างไกลจากความดีครบถ้วน สุดที่จะประมาณได้
          เป้าหมายของการเป็นผู้นำคือ “การเป็นผู้รับใช้” ความสามารถในการนำนั้นไม่ใช่เอาแต่ออกคำสั่ง เจ้านายมักจะ “บอก” ลูกน้องว่าจะทำอย่างไร แต่ผู้นำจะ “แสดง” ให้ลูกน้องเห็นว่าควรทำอย่างไร ดังนั้นการรับใช้จึงเป็นสิ่งที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งในการเป็นสาวก เพราะเรามักชอบให้คนอื่นมาเอาใจปรนนิบัติ มีน้อยคนชอบรับใช้คนอื่น อย่างไรก็ตาม การรับใช้ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องพึงปฏิบัติในการเป็นสาวก เพื่อสำแสดงความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อเพื่อนพี่น้องและผู้อื่น พวกเราทุกคนที่เรียนรู้พระคำของพระเจ้าอยากให้คนอื่นเรียกเราว่า “ผู้รับใช้” แต่มีสักกี่คนที่จะปฏิบัติตนเป็นผู้รับใช้ จริงๆในฐานะที่เป็นคริสเตียน เมื่อมีใครเรียกว่า “ผู้รับใช้” เท่ากับว่าเป็นการให้ความเคารพอย่างสูง แต่เมื่อมีคนมาใช้อย่าง “คนรับใช้” กลับรู้สึกเหมือนกับถูกเหยียดหยาม ทั้งๆที่ ทุกคนต้องถูกเรียกว่า “เป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์” แต่กับต่อต้านการปรนนิบัติรับใช้เช่นนี้เสียแล้ว
          เมื่อเราเริ่มต้นช่วยคนๆ หนึ่งให้มีชีวิตเป็นคริสเตียน เขาจะทำตามเราเหมือนเด็กที่ทำตามพ่อแม่โดยธรรมชาติ และเขาจะเป็นอย่างที่เราเป็น ไม่ใช่เหมือนที่เราพูดและสอนเขา ดังนั้นการกระทำของเราจึงมีความสำคัญในการเป็นแบบอย่างของเขา อุทาหรณ์หลายอย่างจากพระคัมภีร์เป็นพยานว่า มนุษย์ได้จำลองสิ่งต่างๆ ตามแบบของผู้ที่เขาใกล้ชิด แสดงออกมาเป็นการกระทำ อับราฮัมเปลี่ยนฐานะภรรยามาเป็นน้องสาว เพื่อให้ตนเองปลอดภัย(ปฐก.20:2) บุตรชายของเขา คือ อิสอัค ก็ทำสิ่งเดียวกัน(ปฐก.26:7)พระคัมภีร์จารึกไว้ว่า เอลีมหาปุโรหิต เลี้ยงดูบุตรไม่เป็น(1ซมอ.2:12-17) แต่เขาก็จำลองลักษณะเช่นนี้สู่ชีวิตลูกศิษย์ของเขาที่ชื่อ ซามูเอล ด้วย(1ซมอ.8:1-5)  ดังนั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องเป็นแม่แบบให้สาวกของเรา ตามที่เราต้องการ และมั่นใจได้ว่า เราต้องถ่ายทอดสิ่งที่เราเป็นเข้าสู่ชีวิตของเขาแน่นอน     


อ่านบทความอื่นๆ ต่อได้ที่  http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น