“...พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นความหวังของเรา”
(1 ทธ.1:1) นี่เป็นความหวังใจในพันธสัญญาใหม่ของเรา
ผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์นั้น พระองค์ทรงเป็นความหวัง
ประมาณ ปี ค.ศ. 64
ได้เกิดเพลิงไหม้ใหญ่ขึ้นที่กรุงโรม ทำให้กรุงโรมเกือบทั้งหมดได้รับความเสียหาย
จักรพรรดิเนโรได้โยนความผิดให้แก่คริสเตียน แลได้ข่มเหงอย่างหนัก
ทำให้คริสเตียนจำนวนมากได้ถูกจับ ถูกตรึงที่กางเขนตายบ้าง ถูกเผาตายบ้าง
คริสเตียนที่เหลืออยู่อดทนไม่ไหว ซ่อนตัวในถ้ำ หรือหนีออกจากกรุงโรม
คริสเตียนเหล่านี้รู้สึกหมดหวัง เพราะเหตุนี้ เปโตรได้เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้น
เพื่อจะหนุนใจและให้กำลังใจแก่คริสเตียนในสมัยนั้น ดังนั้นประเด็นหลักของพระธรรม
1เปโตร ก็คือ “ความหวัง”
ในปัจจุบันก็ไม่แตกต่างกับสังคมคริสเตียนในยุคโรม หลายสิ่งไม่ค่อยชัด
มืดมัว ดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก ทำให้มีหลายคนแสดงอาการซึมเศร้าที่เกิดจากความเครียด
ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่น่ามีความรู้สึกหมดหวัง หรือเลิกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
เพราะเรายังมีทางออก ยังมีความหวัง ความหวังของเราอยู่ในพระเยซูคริสต์ พระองค์เป็นความหวังของเราจริงๆ
“สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
ผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เรา ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่
เข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่ โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
4และเพื่อให้ได้รับมรดกซึ่งไม่รู้เปื่อยเน่า ปราศจากมลทิน
และไม่ร่วงโรยซึ่งได้เตรียมไว้ในสวรรค์ เพื่อท่านทั้งหลาย 5ซึ่งเป็นผู้ที่ฤทธิ์เดชของพระเจ้า ได้ทรงคุ้มครองไว้ด้วยความเชื่อให้ถึงความรอด
ซึ่งพร้อมแล้วที่จะปรากฏในวาระสุดท้าย” (1 ปต.1:3-5) ถ้อยคำของเปโตรเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี
และความหวังในยามยากลำบาก เปโตรเชื่อมั่นเช่นนั้น เพราะได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำเพื่อเรา
ในพระเยซูคริสต์ นั้นคือ
1.พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย “.....พระเยซูคริสตเจ้าของเรา
ผู้ได้
ทรงพระมหากรุณาแก่เรา
ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่ เข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่ โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์” (1 ปต.1:3) “บังเกิดใหม่”
เหตุใดเราต้องบังเกิดใหม่ ก็เพราะ ชีวิตเราเสื่อม “ด้วยว่า
ในตัวข้าพเจ้า คือในตัวข้าพเจ้าไม่มีความดีประการใดอยู่เลย
เพราะว่าเจตนาดีข้าพเจ้าก็มีอยู่ แต่ซึ่งจะกระทำการดีนั้น ข้าพเจ้าหาได้กระทำไม่” ( รม.7:18) เปาโลหนุนใจว่า ความตั้งใจที่จะทำสิ่งที่ดี
และถูกต้องมีอยู่ในตัวเราทุกคน แต่การที่เราจะกระทำให้ได้ตามนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ดังนั้นความตั้งใจที่จะกระทําดี แต่กลับทําไม่ได้มีความเป็นไปได้มาก เพราะฉะนั้นชีวิตของเราจึงได้เสื่อม
และกลายเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายจนไม่อาจเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดีได้ ด้วยว่าชีวิตของเรา
“เสื่อมเสียและเลวทราม จนไม่อาจปรับปรุงได้” ดังนั้นเราจึงต้องบังเกิดใหม่ สำหรับการบังเกิดใหม่
ชีวิตเราจะได้รับการสร้าง และถูกเปลี่ยนแปลงตามพระฉายาขององค์พระเยซูคริสต์
จนเหมือนกับพระองค์ ดังที่พระองค์ทรงเป็น “เหตุฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว
โดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย
โดยเดชพระสิริของพระบิดาแล้ว เราก็จะได้ดำเนินชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน”
(โรม.6:4)เมื่อเราเกิดจากฝ่ายเนื้อหนัง เราได้เกิดมาพร้อมกับความหมดหวัง
เพราะความผิดบาปของเรา แต่ในวินาทีที่เราบังเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณ
เราได้บังเกิดมาพร้อมกับความหวังในพระเยซูคริสต์ การที่เราบังเกิดใหม่ได้ ก็เพราะพระเยซูได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย
ถ้าพระเยซูไม่ได้ทรงคืนพระชนม์แล้ว การบังเกิดใหม่ก็ไม่มี ในข้อ 3 ตอนท้ายบอกว่า “โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์” เพราะเหตุนี้แหละ
เรายึดมั่นได้ว่า พระเยซูทรงเป็นความหวังของเรา
2.พระเยซูทรงเตรียมมรดกไว้ในสวรรค์ “และเพื่อให้ได้รับมรดกซึ่งไม่รู้เปื่อยเน่า
ปราศจากมลทิน และไม่ร่วงโรยซึ่งได้เตรียมไว้ในสวรรค์
เพื่อท่านทั้งหลาย” (1 ปต.1:4) สิ่งที่พระองค์เตรียมไว้ในสวรรค์คือสิ่งที่ “ไม่รู้เปื่อยเน่า” หมายความว่า
ได้รับการปกป้องจากความเปื่อยเน่าและความตาย นั่นคือ มรดกที่สมบูรณ์ ทุกสิ่งในโลกนี้เปื่อยเน่าและแก่ลง
ถึงแม้ว่าเรามีทรัพย์สมบัติมากขนาดไหนก็ตาม เมื่อความตายมาถึง เราก็ปล่อยทุกอย่าง
และไปมือเปล่า ไม่มีอะไรที่เราจะเอาไปได้ “ปราศจากมลทิน” หมายความว่า เราจะได้รับการป้องการจากความชั่วร้ายทางศีลธรรม
นั่นคือมรดกที่บริสุทธิ์“ไม่ร่วงโรย”
หมายความว่า ได้รับการป้องกันจากธรรมชาติและกาลเวลา แม้กาลเวลาเปลี่ยนไปสำหรับในสวรรค์แล้ว
ยังคงสภาพอย่างที่ๆเป็นอยู่ไม่ปลี่ยนแปลง พระเจ้าไม่เพียงทรงเลือกเราให้มาถึงความรอดเท่านั้น
แต่ให้มาถึงมรดกนิรันดร์ ไม่เสื่อมสลาย
และไม่สูญค่าลงด้วย นอกจากนี้มรดกนี้ก็ได้รักษาไว้ในสวรรค์เพื่อท่านทั้งหลาย ดังนั้นความรอดของเรา
จึงไม่ใช่แค่ความหวังใจอันมีชีวิตในเรื่องชีวิตนิรันดร์ในตอนนี้เท่านั้น
แต่รวมถึงมรดกนิรันดร์ที่เราจะได้รับเมื่อไปถึงสวรรค์ด้วย
3.พระเยซูทรงคุ้มครองเราไว้ให้ถึงความรอด “ซึ่งเป็นผู้ที่ฤทธิ์เดชของพระเจ้า
ได้ทรงคุ้มครองไว้ด้วยความเชื่อให้ถึงความรอด
ซึ่งพร้อมแล้วที่จะปรากฏในวาระสุดท้าย” (1 ปต.1:5)ฤทธิ์เดชของพระเจ้ากำลังคุ้มครอง “ความรอด”
ของเราอยู่ พระองค์ตรัสว่า “เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้นพระบิดาของเราผู้ประทานแกะนั้น
ให้แก่เราเป็นใหญ่กว่าทุกสิ่ง และไม่มีผู้ใดอาจชิงแกะนั้น
ไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของเราได้” (ยน.10:28-29)
ด้วยเหตุนี้จะไม่มีใครแย่งชิงความรอดของเราไปได้กุญแจสำคัญคือ ความเชื่อ! ที่เราต้องมี ชีวิตบนโลกนี้ คริสเตียนต้องเผชิญความทุกข์
แต่พระเยซูไม่ละทิ้งเรา พระองค์ทรงสถิตอยู่กับเราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตลอดเวลา
พระนามของพระเยซูผู้ยอมสละสภาพของพระเจ้า ลงมาจากสวรรค์มาสู่แผ่นดินโลก
และได้รับสภาพมนุษย์ คือ “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเรา
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นความหวัง
เพราะพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย ทรงเตรียมมรดกไว้ในสวรรค์เพื่อเรา
และทรงคุ้มครองเราไว้ให้ถึงความรอด ขอให้เรายึดมั่นและพากเพียรทุกอย่างใน
พระองค์ผู้ทรงเป็นความหวังของเรา ยิ่งกว่านั้น ขอให้เราบอกกล่าวสิ่งเหล่านี้แก่คนอื่นๆ
ที่กำลังรู้สึกผิดหวัง และหมดหวัง ให้คนเหล่านั้นดำเนินชีวิตด้วยความหวังในพระเยซูคริสต์เช่นเดียวกับเรา