วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รักษาใจ (ตอนสุดท้าย)

การตอบสนองของบุคคลภายใต้เหตุการณ์ที่ยากลำบาก หากอยู่ในสภาวะปกติ คนส่วนใหญ่มักปฏิบัติตัวให้เป็นที่ยอมรับของสังคม ทำให้รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่เมื่อไม่มีคนเฝ้าดูหรือถูกกระทบกระทั่งโดยไม่คาดคิด พวกเขาก็จะเผยตัวจริงออกมา สิ่งที่อยู่ลึกในใจจะหกล้นออกมาเมื่อถูกทดสอบ นั่นก็คือการตอบสนองของเราที่มีต่อความกดดัน จะเปิดเผยให้เห็นว่าเราเป็นคนอย่างไร องค์พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “คนดีก็ย่อมเอาของดีออกจากคลังดีแห่งใจของตน และคนชั่วก็ย่อมเอาของชั่วจากคลังชั่วแห่งใจของตน ด้วยใจเต็มด้วยอะไรปากก็พูดออกมาอย่างนั้น” (ลก.6:45) พระองค์เตือนให้เราระลึกว่า คำพูดและการกระทำจะเปิดเผยให้เห็นความเชื่อ ทัศนคติ และแรงผลักดันที่แท้จริงภายใน หากใจเราฉ้อฉลเสียแล้วสิ่งที่เราแสร้งกระทำก็ไม่คงทน เพราะสิ่งที่อยู่ในใจจะแสดงออกมาในคำพูดและการกระทำ ดังนั้นเราจำเป็นต้องตรวจสอบการกระทำของเรา เพื่อเป็นการปกป้องรักษาใจ

             ขอหนุนใจการดำเนินชีวิตเพื่อรักษาใจ ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า โดยเริ่มต้นด้วยการ “ถวายตัว” แด่พระองค์ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณา ของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการ นมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน (รม.12:1) เปาโลอธิบายว่า การถวายตัวแด่พระเจ้าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพราะพระเจ้าทรงเมตตากรุณาและเต็มเปี่ยมไปด้วยพระคุณในการทรงไถ่ชีวิตของเรา ออกมาจากความผิดบาปและความตาย ด้วยเหตุนี้เราจึงควรถวายตัวแด่พระเจ้า เราไม่สามารถนมัสการด้วยจิตวิญญาณของเราได้ โดยปราศจากการถวายตัวแด่พระเจ้า ดังนั้น หัวใจของการนมัสการคือ “การนมัสการหมดทั้งหัวใจ” ยอมจำนนมอบถวายตัวของเราแด่พระองค์ การถวายตัวแด่พระเจ้าทั้งหมดเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “เราได้ให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิต” ดังนั้นเราต้อง
                   - ดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรง “...เจ้าจงรู้จักพระเจ้า และจงปรนนิบัติพระองค์ด้วยใจจริง และด้วยความเต็มใจของเจ้า เพราะพระเจ้าทรงพิจารณาจิตใจทั้งปวง และทรงเข้าใจในแผนงาน และความคิดทั้งปวง ถ้าเจ้าแสวงหาพระองค์เจ้าจะพบพระองค์ แต่ถ้าเจ้าทอดทิ้งพระองค์ พระองค์จะทรงเหวี่ยงเจ้าออกไปเสียเป็นนิตย์” (1 พศด.28:9) เมื่อกษัตริย์ดาวิดเข้าสู่วัยชราพระองค์ได้สอนให้ซาโลมอนดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้า เพราะฤทธานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้าสามารถตรวจสอบจิตใจที่อยู่ภายในตัวเราได้ ดังนั้นซาโลมอนจึงได้อธิษฐานขอ “หัวใจที่เชื่อฟัง” เพื่อจะให้เข้าใจว่าอะไรคือความดีอะไรคือความชั่ว “เพราะฉะนั้น ขอพระองค์ทรงประทานความคิดความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะวินิจฉัยประชากรของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะประจักษ์ในความผิดแผกระหว่างดีและชั่ว เพราะว่าผู้ใดเล่าจะสามารถวินิจฉัยประชากรใหญ่ของพระองค์นี้ได้” (1 พกษ.3:9)พวกเราเองก็ควรจะกระทำเช่นนี้เหมือนกันคือใช้ชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้า และอธิษฐานสนทนาขอการทรงนำจากพระองค์อย่างสม่ำเสมอ
                   - เรียนรู้ใคร่ครวญพระคำอย่างสม่ำเสมอ “บุตรชายของเราเอ๋ย จงตั้งใจต่อถ้อยคำของเรา จงเอียงหูของเจ้าเข้าหาคำพูดของเรา 21อย่าให้มันหนีไปจากสายตาของเจ้า จงรักษามันไว้ภายในใจของเจ้า 22เพราะมันเป็นชีวิตแก่ผู้ที่ค้นพบ และมันรักษาเนื้อของผู้นั้นทั้งสิ้น 23จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ 24 จงทิ้งวาจาคดๆ เสีย และให้คำพูดลดเลี้ยวห่างจากเจ้า25 ให้ตาของเจ้ามองตรงไปข้างหน้า และให้การจ้องของเจ้าตรงไปข้างหน้าเจ้า 26 จงสนใจในวิถีแห่งเท้าของเจ้า แล้วทางทั้งสิ้นของเจ้าจะแน่นอน 27 อย่าเหไปข้างขวา หรือหันมาข้างซ้าย จงกลับเท้าของเจ้าเสียจากความชั่วร้าย” (สภษ.4:20-27) การดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ เราต้องป้องกันรักษาใจไว้ให้ดีด้วย นั้นก็คือการเรียนรู้ข้อเตือนใจต่างๆ จากพระคำของพระองค์ อย่าให้พระคำของพระองค์ออกห่างจากชีวิตของเรา ใจของเราซึ่งเป็นแหล่งของความรัก และความปรารถนา เป็นตัวกำหนดของขอบเขตการดำเนินชีวิตของเรา เพราะเรามักจะหาเวลาทำสิ่งที่เราชอบ โซโลมอนให้เราระแวดระวังใจของเรามากว่าสิ่งอื่นใด เราต้องมั่นใจว่าความปรารถนาต่างๆ ที่เรากำลังจดจ่ออยู่นั้นจะปกป้องรักษาให้อยู่ในทางที่ถูกต้อง อย่าแวะข้างทาง หรือเดินวนเวียนอยู่บนส้นทางที่นำไปสู่ความบาป อธิษฐานพึงพาองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอการทรงนำจากพระองค์ ซึ่งจะหนุนใจเราให้ดำเนินชีวิตพ้นจากความทุกข์ร้อนได้  สันติสุขแห่งพระเจ้าที่เหนือกว่าความคิดทุกอย่างจะปกป้องรักษาหัวใจ และ  ความคิดของเราไว้โดยองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

“อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนา
ของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ  7แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้า ซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจ และความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์”
(ฟป.4:6-7)


อ่านบทความอื่นๆ ต่อได้ที่  http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น