วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

ต้นร้ายปลายดี (ตอนสุดท้าย)

          อิสราเอลอยู่ภายใต้พระพรขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ได้ทรงสัญญาไว้กับอับราฮัม  "ถ้ามีผู้ชายมาเรียกเจ้าจงลุกขึ้นไปกับเขา แต่เจ้าจงกระทำตามที่เราสั่งเจ้าเท่านั้น" (กดว.22:20) พระเจ้าทรงอนุญาตให้บาลาอัมไปกับคนของ
บาลาค พระองค์ทรงรู้ความตั้งใจที่แท้จริงของบาลาอัน พระองค์จึงทรงพระพิโรธความโลภของบาลาอัม เขาอ้างว่าจะไม่ต่อต้านพระเจ้าเพียงเพื่อเงิน แต่ความตั้งใจของเขาเริ่มหวั่นไหว ทรัพย์สินที่กษัตริย์เสนอให้ ทำให้บาลาอัมตามืดบอดด้วยความโลภจนมองไม่เห็นว่าพระเจ้าทรงพยายามหยุดยั้งเขา พระเจ้าทรงเมตตาบาลาอัมมากๆ ถึงแม้ทรงกริ้ว และส่งทูตสวรรค์มาเพื่อสังหารบาลาอัม เนื่องจากเขาไม่เชื่อฟังพระองค์ แต่ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณ ทรงให้ลาเห็นทูตสวรรค์ แล้วก็หลบเลี่ยงถึงที่สุด เพื่อไม่ให้นายของตนคือ บาลาอัมต้องถูกทูตสวรรค์ประหาร ตลอดชีวิตบาลาอัมขี่ลาตัวนี้ และมันก็ภักดีต่อนายตลอดไม่เคยดื้อเลย แต่วันนี้มันกลับมีอาการผิดปกติ พระเจ้าทรงต้องการให้บาลาอัมรู้สึกตัวให้เขาคิดขึ้นมาได้ว่า “เอ...มันต้องมีอะไรสักอย่างเกิดแล้วน้า” แต่เขาก็ไม่รู้สึกตัว พระเจ้าก็ทรงเมตตาเพิ่มอีก ทรงเปิดปากลาให้ลาพูดได้ แทนที่       บาลาอัมจะตกใจที่ลาพูดได้ กลับไปนั่งเถียงกับลา เขาไม่ได้ฉุกคิดเลยว่า พระเจ้าไม่ทรงต้องการให้เขาไป ต้องการให้เขาหันกลับ และลบล้างความโลภในใจของเขาออกไป และกลับมาเชื่อฟังพระองค์ แต่บาลาอัมก็ยังไม่ยอม พระเจ้าก็ทรงประทานพระคุณเพิ่มอีก ให้บาลาอัมได้เห็นทูตสวรรค์ถือดาบอยู่ แทนที่บาลาอัมจะรู้สำนึกว่า นี่เป็นการเตือนจากพระเจ้าว่าไม่ต้องการให้เขาไป กลับไปคิดว่า คงเพราะทางที่เขาจะไปมีทูตสวรรค์ยืนอยู่ คงไปขวางทางเขามั๊ง แล้วยังมาถามอีกว่า ถ้าท่านไม่ชอบใจข้าพเจ้าจะกลับเสียถ้าพระเจ้าชอบพระทัย พระองค์จะส่งทูตสวรรค์ถือดาบมาประหารทำไมเล่า? แต่บาลาอัมมีความโลภมาบังตาเขาเสียแล้ว สุดท้ายพระเจ้าก็ต้องทรงปล่อยให้ไป พระองค์ให้อิสระในการเลือกกับเขา พระองค์ไม่เคยบังคับมนุษย์คนใดเลย พวกเราเองก็เช่นกัน บ่อยครั้งเราเป็นอย่างบาลาอัม ที่เก็บความอยากบางอย่างไว้ในใจ และพยายามที่จะให้พระเจ้าให้อย่างที่เราอยากได้ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจอย่างชัดเจนว่านั่นไม่ใช่น้ำพระทัย เรายอมอะลุ้มอล่วย ต่อความบาปหรือเปล่า? ตอนนี้พระเจ้ากำลังส่งสัญญาณเตือนมาที่เรา เหมือนดังที่ทรงเตือนบาลาอัมโดยการทำให้ลาพูดได้หรือเปล่า? อยากให้เราคิดทบทวนท่าทีในใจของเราอีกครั้ง เข้าหาพระองค์ ทูลพระองค์ขอให้ทรงเปิดเผยว่าเรามีความอยากในใจมั้ย และถ้าพระองค์เปิดเผยให้เราเห็น อย่าลังเลที่จะเอามันออกไป ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดูมีค่าต่อเราแค่ไหนก็ตาม ชีวิตที่เรามีอยู่ขณะนี้ มีอยู่ได้ ก็เพราะพระคุณของพระเจ้า ชีวิตที่มีอยู่เป็นชีวิตที่มาจากพระเยซูคริสต์ และพระองค์ผู้ทรงประทานพระองค์เองให้กับเราด้วยรักยิ่ง จะประทานสิ่งสารพัดให้กับเราอย่างแน่นอน ขอให้เรารักและเชื่อฟังพระองค์อย่างหมดใจ (กดว.22:21-34) "จงไปกับชายเหล่านั้นเถิด แต่เจ้าจงพูดเฉพาะคำที่เราให้เจ้าพูด" (กดว.22:35) ทูตสวรรค์ออกคำสั่งโดยเผยให้เห็นน้ำพระทัยเชิงอนุญาตของพระเจ้าในเรื่องนี้อีกครั้ง บาลาอัมต้องไปต่อ แต่กล่าวเฉพาะสิ่งที่เขาถูกสั่งให้กล่าวเท่านั้น พระองค์ประสงค์จะให้บาลาคกษัตริย์ที่ไม่ได้นับถือพระเจ้าได้รับรู้ถึงเกียรติและสง่าราศีของพระองค์ ผ่านทางผู้พยากรณ์ต่างชาติที่เต็มไปด้วยความโลภ ในเวลานี้ บาลาอัมได้ตระหนักถึงความจริงในภารกิจที่พระเจ้าได้มอบให้  เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เขาได้
          “พระเจ้าทรงใส่ถ้อยคำในปากของบาลาอัม” (กดว.23:5) บาลาอัมมาถึงโมอับ เขาได้สร้างแท่นบูชาเจ็ดแท่นถวายแด่พระเจ้า และถวายวัวผู้หนึ่งตัว และแกะผู้หนึ่งตัวบนแท่นบูชาทุกแท่น บาลาอัมจะสาปแช่งอิสราเอลถึงสี่ครั้งแต่ทุกครั้งกลับกลายเป็นคำอวยพร เพราะพระเจ้าได้ใส่ถ้อยคำลงในปากของเขา เพื่อปกป้องตามพันธสัญญาที่ได้มอบไว้แก่บรรพบุรุษของอิสราเอล จึงทำให้บาลาคโกรธมาก
                   1.การพยากรณ์ครั้งแรก (กดว.23:7-10)
                             “...ชนชาติหนึ่งอยู่ลำพัง และมิได้นับเข้าในหมู่ประชาชาติ...ใครจะนับเผ่าพันธุ์ของ     ยาโคบที่มากอย่างผงคลีดินนั้นได้” (กดว.23:9-10) อิสราเอลจะอยู่ตามลำพังไม่นับรวมเข้ากับประเทศอื่น และ ประชากรของอิสราเอลจะมีจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน
                   2.การพยากรณ์ครั้งที่สอง (กดว.23:18-24)
                             “...ไม่มีความทุกข์ยากในยาโคบ... และไม่มีความยากลำบากในอิสราเอล...” (กดว.23:21)และ “ดูเถิด ชนชาติหนึ่ง ซึ่งลุกขึ้นอย่างนางสิงห์ใหญ่ และยืนขึ้นอย่างสิงห์ตัวผู้ ไม่ยอมนอนจนกว่าจะกินเหยื่อเสีย และดื่มเลือดของสิ่งที่ฆ่าตาย” (กดว.23:24) พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับอิสราเอล โดยทรงพาพวก เขาออกจากอียิปต์อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีคำสาปแช่งต่อต้านอิสราเอลใดจะใช้ได้ผล ไม่มีสิ่งใดสามารถฉุดรั้ง       อิสราเอลได้ เปรียบเหมือนสิงโตตัวหนึ่งที่จะไม่ยอมหยุดพักจนกว่าได้เขมือบพวกศัตรูของมัน
                   3.การพยากรณ์ครั้งที่สาม (กดว.24:1-9)
                             “...แล้วพระวิญญาณของพระเจ้ามาอยู่บนท่าน” (กดว.24:2) อิสราเอลจะถูกยกชูขึ้นในราชอาณาจักรของตน พระเจ้าได้ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นมาจนถึงขณะนี้ และจะประทานชัยชนะอันยิ่งใหญ่    มากกว่านี้แก่พวกเขา และทำให้พวกศัตรูของพวกเขาพินาศไป เปรียบชนชาติอิสราเอลว่าเป็นเหมือนสิงโตใหญ่   ตัวหนึ่ง ซึ่งมีแต่คนโง่เท่านั้นที่กล้าไปแหย่มัน วลีสุดท้ายของคำพยากรณ์นี้เหมือนกับที่พระเจ้าทรงให้พระสัญญา  กับ อับราฮัม (ปฐก.12-3) และยาโคบ (ปฐก.27:29) ว่า “...ผู้ใดที่อวยพรแก่ท่านขอให้เขาได้รับพร ผู้ใดที่แช่งท่าน ขอให้เขาได้รับคำแช่ง” (กดว.24:9)
                   4.การพยากรณ์ครั้งสุดท้าย (กดว.24:15-25)
                             “ข้าพเจ้าเห็นเขา แต่ไม่ใช่อย่างเดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าดูเขา แต่ไม่ใช่อย่างใกล้ๆ นี้ ดาวดวงหนึ่งจะเดินออกมาจากยาโคบ และธารพระกรอันหนึ่งจะขึ้นมาจากอิสราเอล...”(กดว.24:17) นี่เป็น
คำพยากรณ์อย่างชัดเจน เกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์(พระคริสต์) และอาณาจักรของพระองค์ ซึ่งถูกประกาศโดยดวงดาวหนึ่งออกมาจากอิสราเอลที่เบธเลเฮม ชนชาติอื่นๆ จะถูกครอบครอง พระองค์จะทรงใช้ธารพระกรของกษัตริย์ และนำชัยชนะเหนือศัตรูมาสู่ประชากรของพระองค์
         บาลาอัมประสบความล้มเหลวในการสาปแช่งอิสราเอล  เพราะถูกพระเจ้าขัดขวางโดยตรง ยังความไม่พอใจแก่บาลาคอย่างมาก  
          “พวกเขาเป็นคนอิสราเอล ได้รับการทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า และพระสิริของพระเจ้าปรากฏแก่เขา และเขาได้รับบรรดาพันธสัญญา และการทรงประทานธรรมบัญญัติ และพิธีนมัสการพระเจ้า และพระสัญญา” (รม.(9:4) สิทธิพิเศษๆ ที่คนอิสราเอลได้รับจากพระเจ้าเมื่อพระองค์ได้ทรงเลือกพวกเขาให้มาเป็นชนชาติพิเศษของพระองค์ เพื่อจะบอกกับคนอื่นๆ เกี่ยวกับพระเจ้า ดังนั้นสถานภาพของคนอิสราเอลจึงเป็นบุตรของพระเจ้าทางพระสัญญา ซึ่งได้รับการสำแดงจากพระเจ้า และได้รับบรรดาพันธสัญญา ธรรมบัญญัติ รูปแบบการนมัสการ และพระสัญญาของพระเจ้า ดังนั้นอิสราเอลเป็นภาชนะในการนำเอาความรอดไปยังมนุษยชาติ และได้ทำพันธสัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวกับการไถ่บาปผ่านทางชนชาตินี้ ด้วยแผนการแห่งความรอดของพระองค์ อิสราเอลจึงได้รับคำอวยพรแทนคำสาปแช่งจากบาลาอัม

อ่านบทความอื่นๆ ต่อได้ที่  http://theword-2015.blogspot.com/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น