วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

คืนดี...ปรองดอง(ตอนสอง)


          เราจะรับการช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์เพื่อเข้าสู่ความรอด และคืนดีกลับพระเจ้าได้อย่างไร
“เพราะว่า ทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า” (รม.3:23) คงทราบแล้วว่ามนุษย์ได้หลงทำผิดบาปครั้งแรกอย่างไร และในทันทีที่มนุษย์ทำผิดบาป มนุษย์กลัวพระเจ้า และหนีไปซ่อนตัวอยู่เพื่อจะหลบให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์ และการลงโทษที่มนุษย์ได้รับเนื่องจากการทำบาปคือถูกขับไล่ออกจากสวนเอเดน เราจะเห็นว่า บาปจะต้องถูกลงโทษเสมอ และการลงโทษนั้นคือ การถูกแยกจากพระเจ้า “พระสิริของพระเจ้า” พระสิริของพระเจ้าคือความสดใส งดงาม โชติช่วงของพระเจ้า แต่เดิมนั้นเมื่อพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ พระองค์ได้บรรจุพระสิริของพระองค์ใส่ไว้ในตัวมนุษย์ด้วย เมื่อตกเป็นทาสของความบาปพระสิรินี้ก็เริ่มเสื่อม และหายไป พระสิริของพระเจ้าที่ขาดไปจากมนุษย์คือ ล้มเหลวต่อการถวายพระสิริอันควรแด่พระองค์ ล้มเหลวในการรับพระสิริ และเกียรติยศซึ่งพระองค์มีพระประสงค์จะประทานให้แก่เรา ล้มเหลวต่อการดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเจ้า และพลาดจากพระสิริอันไพบูลย์ซึ่งจะประทานให้แก่บุตรของพระองค์เมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา
          “ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูได้ทรงตั้งต้นประกาศว่า "จงกลับใจเสียใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์ มาใกล้แล้ว"  (มธ.4:17) จงกลับใจเสียใหม่ นี่เป็นคำสั่ง !!! กลับใจใหม่ คือ การยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิดบาปที่ไม่อาจช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากบาป โทษของบาป และอำนาจของมันได้เลย จึงขอน้อมใจรับพระคุณและความช่วยเหลือจากพระเจ้าในการชดใช้บาปของเราด้วยความเชื่อ ผ่านทางการตายขององค์พระเยซูคริสต์! เราต้องตระหนัก และ ยอมรับว่าตนทำบาป ต้องถ่อมใจ เราอาจโกหกตัวเองและผู้อื่นว่าไม่ได้ทำบาป แต่เราโกหกพระเจ้าไม่ได้ จุดเริ่มต้นของการกลับใจคือเราต้องกล้ายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดีตลอดเวลา มีโอกาสพลาดพลั้งออกจากลู่ทาง จงถ่อมใจต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้า ยอมรับด้วยหัวใจว่าเราควรทำตามพระคำของพระองค์ ต้องเชื่อพระเจ้าสุดจิตสุดใจ เชื่อว่าพระเจ้าให้อภัย และทรงนำเรา ให้สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ หากขาดความเชื่อเช่นนี้เราก็มีแนวโน้มจะหมดทางแก้ไขปัญหา การกำจัดนิสัยแย่ๆ และทำให้สิ่งผิดถูกต้องเป็นเรื่องยาก เราต้องเชื่อว่าพระองค์สถิตอยู่ด้วย มิฉะนั้นเราอาจล้มลงในบาปอีก ต้องไตร่ตรองถึงการกระทำ นึกถึงบาปหรือความผิดที่ได้กระทำ อย่ามองว่าความบาปต้องเป็นเรื่องใหญ่เสมอไปเช่น คดโกง หรือลักขโมย ในสายพระเนตรของพระเจ้าบาปทุกชนิดมีน้ำหนักเท่ากัน ต้องใคร่ครวญหาเหตุผลว่าทำผิดเพราะอะไร การใคร่ครวญถึงเหตุผลที่การกระทำผิดนั้นสำคัญมาก ก่อนกลับใจ การกลับใจตามพิธีกรรมโดยไม่คิดว่าจริงๆ แล้วทำผิดอะไรยิ่งแสดงให้พระเจ้าเห็นว่าเราไม่ได้ใส่ใจกับความผิดเลย คิดถึงคนที่ต้องรับผล จากความบาปของเราเมื่อคิดจะทำบาป และคิดให้ดีว่าแท้จริงแล้วความบาปส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณเราอย่างไร ไตร่ตรองถึงสิ่งเลวร้ายที่ความบาปนั้นนำให้เราทำ ต้องกลับใจด้วยท่าทีถูกต้อง กลับใจด้วยเหตุผลที่ถูกต้องเท่านั้น หากคิดว่าการกลับใจอาจทำให้พระเจ้าตอบคำอธิษฐานในเรื่องที่ปรารถนา เรากำลังคิดผิด จงกลับใจเพราะเห็นว่าดีต่อชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณและเพื่อให้ชีวิตมีความชื่นชมยินดี และมีคุณค่ามากขึ้น ไม่ใช่เพราะหวังเรื่องฝ่ายเนื้อหนังเช่น ทรัพย์สมบัติ ความร่ำรวย ลาภยศต่างๆ สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่แก่นแท้ในการนับถือพระเจ้าเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ เชื่อมั่นและยึดมั่นในองค์พระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นผู้ที่ยกโทษบาป และประทานชีวิตนิรันดร์แก่เราได้ อีกทั้งยอมให้พระองค์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เชื่อด้วยความเข้าใจ คือ รู้และเข้าใจในแก่นแท้ของพระกิตติคุณคือ มนุษย์เป็นคนบาป พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่โทษบาปมนุษย์ และพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ มนุษย์รอดได้ด้วยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ เชื่อด้วยความรู้สึกคือ รู้สึกว่าตนเองเป็นคนบาป รู้สึกต้องการรับการไถ่จากพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง เชื่อด้วยการยอมรับคือ ตัดสินใจยอมรับพระเยซูคริสต์ให้เป็นเจ้าชีวิตของเรา ( คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด 10ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด รม.10:9-10 ) พระคำสอนว่า “ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่ โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” (กท.2:20) 
               ดังนั้น การยอมรับว่าตนทำบาป และเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง ต้องมี “อย่างมั่นคงต่อเนื่องในชีวิต” ดำเนินชีวิตให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า หลังกลับใจจากบาปแล้ว “เรา” ได้รับประทาน “ชีวิตใหม่” เราควรใช้โอกาสใหม่นี้ อุทิศตนรับใช้พระเจ้า ให้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์ คนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ฝ่ายวิญญาณนั้น มนุษย์จะกระทำเองไม่ได้ แต่เกิดจากฤทธิ์เดช และพระเมตตาของพระเจ้า พระคัมภีร์เรียกว่า “การบังเกิดใหม่” ด้วยว่าคนบาป ก็เปรียบเหมือนคนที่ตายแล้ว ในฝ่ายวิญญาณ เขาจะทำให้ตนเองมีชีวิตใหม่ไม่ได้ มีผู้เดียวที่จะช่วยได้คือ “พระเจ้า” เมื่อกลับใจเชื่อพระองค์ พระองค์จะทรงยกโทษบาป และประทานชีวิตใหม่ให้ด้วย


อ่านบทความอื่นๆ ต่อได้ที่  http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น