เราจะรับการช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์เพื่อเข้าสู่ความรอด
และคืนดีกลับพระเจ้าได้อย่างไร
“เพราะว่า ทุกคนทำบาป
และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า”
(รม.3:23) คงทราบแล้วว่ามนุษย์ได้หลงทำผิดบาปครั้งแรกอย่างไร และในทันทีที่มนุษย์ทำผิดบาป
มนุษย์กลัวพระเจ้า และหนีไปซ่อนตัวอยู่เพื่อจะหลบให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์
และการลงโทษที่มนุษย์ได้รับเนื่องจากการทำบาปคือถูกขับไล่ออกจากสวนเอเดน เราจะเห็นว่า
บาปจะต้องถูกลงโทษเสมอ และการลงโทษนั้นคือ การถูกแยกจากพระเจ้า “พระสิริของพระเจ้า”
พระสิริของพระเจ้าคือความสดใส งดงาม โชติช่วงของพระเจ้า
แต่เดิมนั้นเมื่อพระองค์ทรงสร้างมนุษย์
พระองค์ได้บรรจุพระสิริของพระองค์ใส่ไว้ในตัวมนุษย์ด้วย
เมื่อตกเป็นทาสของความบาปพระสิรินี้ก็เริ่มเสื่อม และหายไป
พระสิริของพระเจ้าที่ขาดไปจากมนุษย์คือ ล้มเหลวต่อการถวายพระสิริอันควรแด่พระองค์
ล้มเหลวในการรับพระสิริ และเกียรติยศซึ่งพระองค์มีพระประสงค์จะประทานให้แก่เรา ล้มเหลวต่อการดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเจ้า
และพลาดจากพระสิริอันไพบูลย์ซึ่งจะประทานให้แก่บุตรของพระองค์เมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา
“ตั้งแต่นั้นมา
พระเยซูได้ทรงตั้งต้นประกาศว่า "จงกลับใจเสียใหม่
เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์ มาใกล้แล้ว"”
(มธ.4:17) จงกลับใจเสียใหม่ นี่เป็นคำสั่ง !!! “กลับใจใหม่” คือ การยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิดบาปที่ไม่อาจช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากบาป
โทษของบาป และอำนาจของมันได้เลย จึงขอน้อมใจรับพระคุณและความช่วยเหลือจากพระเจ้าในการชดใช้บาปของเราด้วยความเชื่อ
ผ่านทางการตายขององค์พระเยซูคริสต์! เราต้องตระหนัก และ ยอมรับว่าตนทำบาป ต้องถ่อมใจ เราอาจโกหกตัวเองและผู้อื่นว่าไม่ได้ทำบาป
แต่เราโกหกพระเจ้าไม่ได้ จุดเริ่มต้นของการกลับใจคือเราต้องกล้ายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดีตลอดเวลา
มีโอกาสพลาดพลั้งออกจากลู่ทาง จงถ่อมใจต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้า
ยอมรับด้วยหัวใจว่าเราควรทำตามพระคำของพระองค์ ต้องเชื่อพระเจ้าสุดจิตสุดใจ
เชื่อว่าพระเจ้าให้อภัย และทรงนำเรา ให้สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ หากขาดความเชื่อเช่นนี้เราก็มีแนวโน้มจะหมดทางแก้ไขปัญหา
การกำจัดนิสัยแย่ๆ และทำให้สิ่งผิดถูกต้องเป็นเรื่องยาก เราต้องเชื่อว่าพระองค์สถิตอยู่ด้วย
มิฉะนั้นเราอาจล้มลงในบาปอีก ต้องไตร่ตรองถึงการกระทำ นึกถึงบาปหรือความผิดที่ได้กระทำ
อย่ามองว่าความบาปต้องเป็นเรื่องใหญ่เสมอไปเช่น คดโกง หรือลักขโมย
ในสายพระเนตรของพระเจ้าบาปทุกชนิดมีน้ำหนักเท่ากัน ต้องใคร่ครวญหาเหตุผลว่าทำผิดเพราะอะไร
การใคร่ครวญถึงเหตุผลที่การกระทำผิดนั้นสำคัญมาก ก่อนกลับใจ
การกลับใจตามพิธีกรรมโดยไม่คิดว่าจริงๆ แล้วทำผิดอะไรยิ่งแสดงให้พระเจ้าเห็นว่าเราไม่ได้ใส่ใจกับความผิดเลย
คิดถึงคนที่ต้องรับผล จากความบาปของเราเมื่อคิดจะทำบาป และคิดให้ดีว่าแท้จริงแล้วความบาปส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณเราอย่างไร
ไตร่ตรองถึงสิ่งเลวร้ายที่ความบาปนั้นนำให้เราทำ ต้องกลับใจด้วยท่าทีถูกต้อง
กลับใจด้วยเหตุผลที่ถูกต้องเท่านั้น หากคิดว่าการกลับใจอาจทำให้พระเจ้าตอบคำอธิษฐานในเรื่องที่ปรารถนา
เรากำลังคิดผิด จงกลับใจเพราะเห็นว่าดีต่อชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณและเพื่อให้ชีวิตมีความชื่นชมยินดี
และมีคุณค่ามากขึ้น ไม่ใช่เพราะหวังเรื่องฝ่ายเนื้อหนังเช่น ทรัพย์สมบัติ
ความร่ำรวย ลาภยศต่างๆ สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่แก่นแท้ในการนับถือพระเจ้าเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์
เชื่อมั่นและยึดมั่นในองค์พระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นผู้ที่ยกโทษบาป
และประทานชีวิตนิรันดร์แก่เราได้
อีกทั้งยอมให้พระองค์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เชื่อด้วยความเข้าใจ คือ
รู้และเข้าใจในแก่นแท้ของพระกิตติคุณคือ มนุษย์เป็นคนบาป
พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่โทษบาปมนุษย์ และพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์
มนุษย์รอดได้ด้วยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ เชื่อด้วยความรู้สึกคือ รู้สึกว่าตนเองเป็นคนบาป
รู้สึกต้องการรับการไถ่จากพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง เชื่อด้วยการยอมรับคือ ตัดสินใจยอมรับพระเยซูคริสต์ให้เป็นเจ้าชีวิตของเรา
( คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด 10ด้วยว่า
ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด
รม.10:9-10
) พระคำสอนว่า “ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว
ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า
ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่ โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า
ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” (กท.2:20)
ดังนั้น การยอมรับว่าตนทำบาป และเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง ต้องมี
“อย่างมั่นคงต่อเนื่องในชีวิต” ดำเนินชีวิตให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า หลังกลับใจจากบาปแล้ว
“เรา” ได้รับประทาน “ชีวิตใหม่” เราควรใช้โอกาสใหม่นี้ อุทิศตนรับใช้พระเจ้า
ให้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์ คนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ฝ่ายวิญญาณนั้น
มนุษย์จะกระทำเองไม่ได้ แต่เกิดจากฤทธิ์เดช และพระเมตตาของพระเจ้า
พระคัมภีร์เรียกว่า “การบังเกิดใหม่” ด้วยว่าคนบาป ก็เปรียบเหมือนคนที่ตายแล้ว
ในฝ่ายวิญญาณ เขาจะทำให้ตนเองมีชีวิตใหม่ไม่ได้ มีผู้เดียวที่จะช่วยได้คือ “พระเจ้า”
เมื่อกลับใจเชื่อพระองค์ พระองค์จะทรงยกโทษบาป และประทานชีวิตใหม่ให้ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น