วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559

จงหนีจากราคะตัณหาของคนหนุ่ม

ทิโมธีคงเป็นคริสเตียนหลังจากที่ อ.เปาโลเดินทางไปประกาศที่เมืองลิสตรา ในการเดินทางรับใช้พระเจ้าเที่ยวแรกของท่าน (กจ.16:1-5 เขามาถึงเมืองเดอร์บี จากนั้นไปยังเมืองลิสตรา ที่นั่นมีสาวกคนหนึ่งชื่อ ทิโมธี อาศัยอยู่ มารดาของเขาเป็นผู้เชื่อชาวยิวแต่บิดาของเขาเป็นชาวกรีก 2 ทิโมธีมีชื่อเสียงดีในหมู่พี่น้องที่เมืองลิสตราและเมืองอิโคนียูม 3 เปาโลต้องการจะพาทิโมธีไปด้วยจึงให้เขาเข้าสุหนัตเพราะเห็นแก่ชาวยิวที่อยู่แถบนั้นเนื่องจากใครๆ ก็รู้ว่าบิดาของเขาเป็นคนกรีก 4 ขณะเดินทางไปยังเมืองต่างๆ พวกเขาก็ถ่ายทอดมติของเหล่าอัครทูตและพวกผู้ปกครองที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อให้คนทั้งหลายปฏิบัติตาม 5 ดังนั้นคริสตจักรต่างๆ จึงได้รับการเสริมสร้างให้เข้มแข็งในความเชื่อและสมาชิกก็เพิ่มขึ้นทุกวัน) แม่และยายของทิโมธีได้อบรมเขา ตามแบบยิวให้รู้พระคัมภีร์อย่างดีอยู่แล้ว
          เมื่อ อ.เปาโลมาเยี่ยมลิสตราครั้งที่สอง ทิโมธีได้กลายมาเป็นสาวกของพระเยซูที่ได้รับความเคารพนับถือ เขามิได้ลังเลที่จะร่วมเดินทางกับ อ.เปาโลและสิลาส การที่เขาเต็มใจเข้าสุหนัตขณะที่เป็นผู้ใหญ่แล้วนั้น แสดงถึงการอุทิศตนของเขาอย่างชัดเจน (พื้นเพของทิโมธีมีเชื้อสายของกรีกกับยิวผสมกัน บิดาเป็นกรีกและแม่เป็นยิวอาจสร้างปัญหาในการเดินทางไปประกาศได้ เพราะผู้ฟังหลายคนเป็นชาวยิวซึ่งเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณี การที่ทิโมธียอมตนเข้าสุหนัตช่วยหลีกเลี่ยงมิให้เกิดปัญหา) ทิโมธีไม่เคยโทษครอบครัวที่เป็นแบบนี้เขามีความภูมิใจในฐานะของเขา แต่พระเจ้าได้ยกทิโมธีขึ้นและสามารถทรงใช้เขาให้เกิดผลได้ ชีวิตของพวกเราก็เช่นกัน เมื่อใครดูถูก อย่าให้เป็นอุปสรรคหรือสิ่งขัดขวางทางชีวิตของพวกเรา แต่ให้คำดูถูกนั้นเป็นแรงพลัดดันชีวิตของพวกเราให้เป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ ให้บอกกับพระองค์ว่าขอให้พระเจ้าทรงใช้เราเถอะ และต้องมั่นใจว่าพระเจ้าสามารถทรงใช้เราได้
          2ทธ.2:22  ท่านจงหนีจากราคะตัณหาของคนหนุ่มและจงใฝ่หาความชอบธรรม ความเชื่อ ความรัก และสันติสุขร่วมกับบรรดาผู้ที่ร้องเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์  ทิโมธีเริ่มรับใช้เมื่ออายุประมาณ 30 กว่าๆ ซึ่งอยู่ในวัยหนุ่ม อ.เปาโลจึงเตือนท่านในการดำเนินชีวิตที่มีสัมพันธภาพกับพระเจ้า คือต้องพร้อมที่จะต้องปกป้องความสัมพันธ์นี้ไว้ให้ดีเสมอ “จงหนีจากราคะตัณหาของคนหนุ่ม” เมื่อเกิดความปรารถนาเช่นนั้น ทิโมธีต้อง “หลีกหนีจากความชั่วร้าย” นั้น นี่เป็นพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า 2ทธ.2:19 แต่รากฐานมั่นคงของพระเจ้าตั้งอยู่อย่างไม่คลอนแคลน ประทับตราด้วยข้อความที่ว่า พระเจ้าทรงรู้จักบรรดาผู้ที่เป็นของพระองค์และ ทุกคนที่เอ่ยพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจงหลีกหนีจากความชั่วร้าย องค์พระเยซูคริสต์ก็ตรัสทำนองเดียวกันว่า “ถ้าตาของท่านเป็นเหตุให้ทำบาปจงควักทิ้งเสีย” มธ.18:9 และถ้าตาของท่านเป็นเหตุให้ทำบาปจงควักทิ้งเสีย ซึ่งจะเข้าสู่ชีวิตโดยมีตาข้างเดียวยังดีกว่ามีสองตาแต่ต้องถูกทิ้งลงในไฟนรก การมีชีวิตแบบเป็นคนพิการตาเดียวก็ยังดีกว่า การเผชิญกับการพิพากษาของพระเจ้าในนรก โดยที่ยังมีตาทั้งสองข้างอย่างสมบูรณ์ ซึ่งตาทั้งสองข้างนั้นได้มอบไว้ให้แก่ความบาปเสียแล้ว คริสเตียนที่เชื่อฟังคำแนะนำนี้ และต้องการรักษาสัมพันธภาพกับพระเจ้าไว้

!!!...ต้องจัดการกับพฤติกรรมชั่วร้ายนี้ทันที และต้องกระทำด้วยความตั้งใจอย่างแน่วแน่...!!!

อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น