วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560

จงฟังเสียงของเรา(ตอนสาม)

          องค์พระเยซูคริสต์ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้ 15 เมื่อจุดตะเกียงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น 16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์” (มธ.5:14-16แสงสว่าง  ในพระคัมภีร์เล็งถึงพระองค์  ดังนั้นในพระคำนี้ทำให้เห็นภาพของ “เมืองที่ตั้งบนภูเขา” ไม่สามารถปิดบังได้  เมื่อจุดตะเกียงภายในบ้านแล้ว ตั้งไว้บนเชิงตะเกียงเพื่อส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้าน  เราไม่ได้เอาอะไรครอบไว้ เมื่อพระองค์ตรัสว่า ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก” เราจะต้องเป็นแหล่งพลังสำหรับคนอื่น และฉายแสงเพื่อให้คนอื่นๆ ได้เห็นกิจการดีในตัวเรา ดุจดังพระอาทิตย์ที่ให้ความสว่างแก่โลก  อย่า!! นิ่งเงียบในยามที่เราควรประกาศพระกิตติคุณ อย่าคล้อยตามคนหมู่มาก อย่าปล่อยให้ความผิดบาปบังความสว่างของเรา อย่าละเลยความต้องการของผู้อื่น จงเป็นประภาคารแห่งความจริง ที่จะส่องสว่าง ช่วยขจัดความมืดให้หมดสิ้นไปและทำให้เกิดความสว่าง พระเยซูคริสต์ต้องการให้ผู้ติดตามพระองค์มีชีวิตที่บริสุทธิ์ เพื่อนำคนอื่นให้มาพบพระเจ้า เป็นเหมือนประภาคารที่ไม่จำเป็นต้องส่งเสียงให้ใครได้ยิน เพียงแต่ส่องสว่างให้ผู้เดินทางได้เห็น ชีวิตของคริสเตียนต้องส่องสว่างให้คนอื่นได้เห็นกิจการดีที่เรากระทำ เพื่อนำทาง ช่วยให้คนอื่นได้มองเห็นทาง และเดินตรงไปยังเป้าหมายอย่างปลอดภัย การประกาศพระกิตติคุณ และการเป็นคริสเตียนจึงมิใช่การเก็บไว้กับตัวเอง หรืออยู่โดยลำพัง แต่ต้องประกาศเรื่องขององค์พระเยซูคริสต์ เพื่อแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า  และประภาคารจะช่วยเตือนให้ผู้เดินทางได้รู้ถึงอันตรายข้างหน้า คริสเตียนจึงต้องเป็นเหมือนสัญญาณไฟที่เตือนให้ทราบถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น มีลักษณะผู้นำ ที่ร้อนรนไม่มีความกลัวใดๆ เพื่อเราจะได้เป็นต้นแบบ และเตือนผู้อื่นให้เดินในหนทางที่ถูกต้อง
          ตัวอย่างชีวิตที่ดีในพระคัมภีร์ น่าจะเป็นชีวิตของดาเนียน เมื่อบาบิโลนเข้ายึดกรุงเยรูซาเล็ม และกวาดตอนเชลยไปเป็นจำนวนมาก และกษัตริย์ได้บัญชาให้คัดเลือกเด็กหนุ่มที่มีศักยภาพเข้ามารับการฝึกฝน รวมทั้งเข้าสู่กระบวนการทำลายความเชื่อดั้งเดิม แต่ดาเนียนและเพื่อนๆ ทั้งสามตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะยืนหยัด และยอมตายในความเชื่อ มียิวบางคนที่ฝ่าพระบาทได้แต่งตั้งให้จัดธุรกิจในเมืองบาบิโลน คือ ชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ข้าแต่พระราชา คนเหล่านี้ไม่เชื่อฟังฝ่าพระบาท เขามิได้ปฏิบัติพระของฝ่าพระบาท หรือนมัสการปฏิมากรทองคำ ซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งไว้" (ดนล.3:12) ดาเนียนมีจุดยืนที่หนักแน่น และดำเนินชีวิตอย่างดีมากๆ จนคนที่จ้องจะหาเรื่อง ไม่รู้จะจับผิดดาเนียนตรงไหนได้เลย ชีวิตเปโตรและยอห์นก็เช่นกัน เมื่อเขาทั้งสองเริ่มประกาศพระกิตติคุณในเยรูซาเล็ม มีคนเชื่อมากมาย บรรดาปุโรหิต หัวหน้ารักษาพระวิหาร และพวกสะดูสีรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก จึงจับขังคุกและข่มขู่ให้เลิกประกาศ  แต่การกระทำเช่นนี้ ไม่มีผลอะไรกับเขาทั้งสอง เพราะสุดท้ายเปโตรและยอห์น ก็ยังคงรักษาจุดยืนที่หนักแน่ในพระเจ้าเช่นเดิม แล้วพวกเราล่ะจะดำเนินชีวิตในความสว่างเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้...อย่างไร ?
                   1 ต้องใช้ความจริงสู้ "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา”  (ยน.14:6) เราต้องเข้าอยู่ในความสว่าง และให้ความสว่างอยู่ในเรา คือพระเยซูคริสต์ เราจึงจะชนะความมืดและมีความสว่างในชีวิตมักจะมีคำถามว่า “เราจะพบพระเจ้าได้อย่างไร”คำตอบก็คือ “โดยทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น” พระเยซูคริสต์เป็นหนทางสู่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและเป็นมนุษย์ การผูกพันชีวิตเราเข้ากับพระองค์ เราก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า จงเชื่อวางใจให้พระเยซูคริสต์นำเราไปถึงพระบิดา แล้วพระพรประเสริฐทั้งสิ้น ของการได้เป็นบุตรของพระเจ้าจะเป็นของเรา

อ่านบทความอื่นๆ ต่อได้ที่  http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น