วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ทุกอย่างกำหนด...แล้ว(ตอนแรก)


เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่
โดยคนนั้นคนเดียว มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และ
รับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดย
พระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์
(รม.5:17)
บทอ่าน รม.5:12-21
                ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ผู้คนมากมายที่อยู่ร่วมกัน บางคนก็ยากจน บางคนก็เจ็บป่วย บางคนเกเร กินเหล้าเมามายเหตุที่มนุษย์เราต้องมีสภาพเช่นนี้ ก็เนื่องจากผลของบาป คนเหล่านั้นจมลึกอยู่ในหลุมแห่งความผิด จึงเห็นร่องรอยแห่งความผิดบาป แต่ก็มีบางกลุ่มที่ดูภายนอกแล้ว ประหนึ่งว่า จะไม่ใช่คนบาปเลย บางคนแต่งตัวเรียบร้อยดูสวยงาม สุภาพโอบอ้อมอารี ดูแล้วเป็นสุภาพชนครบบริบูรณ์ ไม่มีอะไรบกพร่อง ลักษณะเช่นนี้ก็น่าจะไม่ใช่คนบาป แต่นั้นเพียงเป็นการมอง จากสภาพภายนอกเท่านั้น เรามองดูจิตใจคนไม่ได้ พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบถึงจิตใจของทุกคน พระเจ้าตรัสว่า เขาทุกคนหลงผิดไปหมด  เขาทั้งปวงเลวทรามเหมือนกันสิ้น  ไม่มีสักคนเดียวที่กระทำดี ไม่มีเลย” (รม.3:12) บาปเริ่มเข้ามาในโลก ก็ด้วยว่า เหตุฉะนั้น เช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆเดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป (รม.5:12) เรื่องราวของ อาดัมและเอวา ในสวนเอเดนนั้น พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างสวนขึ้นก่อน จากนั้นจึงทรงเอาผงคลีดินมาปั้นเป็นกายของอาดัม ระบายลมปรานเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต (ปฐก. 2:7) หลังจากนี้ พระเจ้าทรงสร้างเอวาจากกระดูกซี่โครงของอาดัม ด้วยเหตุนี้ครอบครัวแรกจึงเริ่มขึ้น ลักษณะที่เด่นชัดอย่างหนึ่งของมนุษย์ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ทั้งหลายก็คือมนุษย์มี เจตจานงเสรีที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีอำนาจในการตัดสินใจเลือก มนุษย์อาจจะเลือกกระทำตามพระทัยของพระเจ้า หรือเลือกกระทำตามใจของตนเองก็ได้ เพื่อจะย้ำในเรื่องนี้ พระเจ้าได้ทรงสร้างต้นไม้พิเศษขึ้นต้นหนึ่งในสวนนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในสวนนั้นจะต้องมีต้นไม้นานาชนิดนับเป็นหมื่น ๆ ต้น ซึ่งมีผลอร่อยน่ารับประทาน แต่มีอยู่ต้นเดียวที่เป็น ต้นไม้ต้องห้าม คือต้นที่ชื่อว่า ต้นไม้แห่งความสานึกในความดีและความชั่ว
                พระเจ้าได้ทรงสร้างอาดัม และเอวา ให้มีอิสระที่จะเลือกกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ แต่หากว่าเขาทั้งสองไม่มีโอกาสจะเลือกในทางที่ตรงกันข้ามกับพระประสงค์ของพระองค์แล้ว จะเรียกว่า ให้เลือกได้อย่างไร แต่พระเจ้าได้ทรงกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง ในอันที่จะให้มนุษย์มีใจปรารถนาที่จะเชื่อฟังพระองค์ พระองค์ทรงสร้างอาดัม และเอวาให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง เขาทั้งสองมีความคิดที่หลักแหลมสุขุมรอบคอบ พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นสาหรับมนุษย์ไว้อย่างล้นเหลือ ทรงโปรดประทานอาหารให้อย่างบริบูรณ์ ประทานสภาพดินฟ้าอากาศที่น่าอยู่ที่สุด อาดัมไม่ได้ขาดอะไรเลยสักอย่างเดียวและของประทานขั้นสุดยอดที่พระเจ้าทรงโปรดประทานแก่เขา ก็คือ เอวา คู่อุปถัมภ์ที่น่ารักยิ่ง พระเจ้าทรงมอบงานให้อาดัมทำพระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอยู่ในสวน ให้ตกแต่งและรักษาสวน (ปฐก. 2:15) พระเจ้าเสด็จเข้ามาในสวนเพื่อร่วมสามัคคีธรรมกับมนุษย์เป็นประจำ (ปฐก. 3:8) และแล้วการทดสอบก็มาถึง ฝ่ายหนึ่งคือซาตาน อีกฝ่ายหนึ่งก็คือมนุษย์ ผู้มีอำนาจครอบครองเหนือสรรพสิ่ง การทดสอบครั้งนี้ มิใช่เป็นแต่เพียงการทดสอบเพื่อดูว่าอาดัมและเอวาจะกินผลไม้จากต้นที่ต้องห้ามนั้นหรือไม่ แต่เป็นการทดสอบว่าพระราชอำนาจของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดจะมีอำนาจเหนือจิตใจมนุษย์มากกว่ากลอุบายของซาตานหรือไม่  ในที่สุด แต่ว่าทุกคนก็ถูกล่อให้หลง เมื่อกิเลสของตัวเองล่อและชักนำให้กระทำตาม 15ครั้นตัณหาเกิดขึ้นแล้วก็ทำให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็นำไปสู่ความตาย”(ยก.1:14-15) อาดัมและเอวาไม่พอใจที่จะอยู่ในขอบเขตที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้  เขาอยากจะเป็นอิสระเขาจึงละเมิดคำสั่งของพระเจ้า ยากที่มนุษย์คนใดจะเอาชนะ จุดเริ่มต้นแห่งความผิดบาปก็คือ “ความเห็นแก่ตัว” เอวาได้ แตะ เด็ด และกิน ต่อจากนั้นก็ส่งให้อาดัมซึ่งก็ได้รับผลไม้ไปกินเช่นกัน บาปได้เกิดขึ้น และความตายได้เคลื่อนเข้าสู่มนุษยชาติทั้งมวล อาดัมและเอวาได้ขัดขืนต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า ซาตานได้ชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
                “ความจริงบาปได้มีอยู่ในโลกแล้วก่อนมีธรรมบัญญัติ แต่ที่ใดไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่ถือว่ามีบาป 14อย่างไรก็ตาม ความตายก็ได้ครอบงำตลอดมาตั้งแต่อาดัมจนถึงโมเสส แม้คนที่มิได้ทำบาปอย่างเดียวกับการละเมิดของอาดัม ผู้ซึ่งเป็นแบบของผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง 15แต่ของประทานแห่งพระคุณนั้นหาเป็นเช่นความละเมิดนั้นไม่ เพราะว่าถ้าคนเป็นอันมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆเดียว มากยิ่งกว่านั้น พระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระองค์ผู้เดียวนั้น คือพระเยซูคริสต์ ก็มีบริบูรณ์แก่คนเป็นอันมาก 16และของประทานนั้นก็ไม่เหมือนกับผล ซึ่งเกิดจากบาปของคนนั้นคนเดียว เพราะว่าการพิพากษาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการละเมิดเพียงครั้งเดียวนั้น ได้นำไปสู่การลงโทษ แต่ของประทานจากพระเจ้าภายหลังการละเมิดหลายครั้งนั้น นำไปสู่ความชอบธรรม 17เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนนั้นคนเดียว มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และรับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์” (รม.5:13-17) อาจารย์เปาโล อธิบายด้วยหลักเหตุผลว่าความบาปมีอยู่ในโลกนี้นานแล้ว ก่อนการมาถึงของพระบัญญัติของโมเสส (หรือบัญญัติใดๆก็ตาม) ก่อนการมาถึงของพระบัญญัติ ความบาปนั้นไม่ถูกนับ แต่ความตายก็ครอบงำตลอดมา  “ความตาย” คือผลของความบาป แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำบาปอย่างเดียวกับ “การละเมิด” ของอาดัมก็ตาม บาปขออาดัมคือการไม่เชื่อฟังพระเจ้า และไปกินผลไม้ต้องห้าม ไม่เคยมีใครได้ทำบาปนี้อีก เพราะหลังจากนั้นพระเจ้าได้ขับไล่พวกเขาทั้งสองออกจากสวนเอเดน แต่กระนั้นคนในรุ่นหลังก็ได้รับผลของบาปเหมือนอาดัมคือ ความตาย ในข้อ14 เป็นแบบของผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง ประโยคนี้เป็นแบบเปรียบเทียบในการกระทำระหว่างอาดัมกับพระเยซูคริสต์ อาดัมเหมือนกับพระเยซูคริสต์ตรงที่ว่าสิ่งที่ทั้งสองกระทำเกี่ยวกับมนุษย์ อาดัมเป็นชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง แต่พระเยซูคริสต์เป็นตัวแทนของชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ อาดัมเป็นต้นกำเนิดของความบาป ทำให้มนุษย์ทุกคนอยู่ใต้อำนาจของบาป พระเยซูคริสต์เป็นต้นกำเนิดของความชอบธรรม และความชอบธรรมนี้ก็มีอิทธิพลเหนือ มนุษย์ทุกคน มนุษย์ทุกคนตายในอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็มีชีวิตในพระเยซูคริสต์ ฉันนั้น

อ่านบทความอื่นๆ ต่อได้ที่  http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น