3.
การรื้อฟื้นยอมจำนน ยชว.8:30-35
แล้วโยชูวาได้สร้างแท่นบูชาที่ภูเขาเอบาลถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล
31ดังที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์บัญชาประชาชนอิสราเอล
ตามที่จารึกไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสสว่า “แท่นบูชาทำด้วยหินล้วน
ซึ่งไม่มีใครใช้เครื่องมือเหล็กตกแต่งเลย” แล้วพวกเขาก็ถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์บนแท่นนั้น
และถวายศานติบูชา 32ณ
ที่นั้นท่านเขียนธรรมบัญญัติของโมเสสบนหินต่อหน้าประชาชนอิสราเอล
ซึ่งเป็นสิ่งที่โมเสสได้เขียนไว้ 33อิสราเอลทั้งหมด
ทั้งคนต่างด้าวและคนที่เกิดในอิสราเอล พร้อมทั้งผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่และผู้พิพากษายืนอยู่ทั้งสองข้างของหีบ
ต่อหน้าคนเลวีที่เป็นปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์
ครึ่งหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าภูเขาเกริซิม อีกครึ่งหนึ่งข้างหน้าภูเขาเอบาล
ดังที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้บัญชาไว้ในครั้งแรกให้พวกเขาอวยพรแก่คนอิสราเอล
34หลังจากนั้นท่านจึงอ่านถ้อยคำในธรรมบัญญัติเป็นคำอวยพรและคำแช่งสาป
ตามที่มีจารึกไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติทุกประการ35ไม่มีคำซึ่งโมเสสได้บัญชาไว้สักคำเดียวที่โยชูวาไม่ได้อ่านต่อหน้าชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมด
รวมทั้งผู้หญิงกับเด็กๆ และคนต่างด้าวที่อยู่ในหมู่พวกเขา
หลังจากการยึดเมืองอัยได้โยชูวาสร้างแท่นบูชาใกล้เมืองเชเคมเขาสร้างจากหินที่ไม่ได้สกัดซึ่งพบบนไหล่เขาเอบาล
นี่เป็นการปฏิบัติตามสิ่งที่โมเสสได้บัญชาไว้ว่าจะต้องกระทำหลังจากที่อิสราเอลได้เดินทางข้ามแม่น้ำจอร์แดนได้อย่างปลอดภัย
เขาได้ถวายเครื่องบูชาเผา คือ สัตว์ถูกเผาเพื่อเป็นพยานถึงการยอมมอบถวายตัวแด่พระเจ้า
หรือยอมจำนนและพึ่งพาพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง และถวายศานติบูชา คือ
สัตว์บูชาซึ่งเลือด ไขมัน และส่วนสำคัญต่างๆ จะถูกเผาเพื่อถวายแก่พระเจ้า
ส่วนที่เหลือของสัตว์นั้นผู้ถวายจะย่างและรับประทานด้วยกันในมื้ออาหารสามัคคีธรรม อาหารมื้อนี้เป็นสัญญาลักษณ์ของการสามัคคีธรรมระหว่างพระเจ้าและประชากรของพระองค์
โยชูวาจารึกธรรมบัญญัติลงบนหินก้อนใหญ๋ซึ่งธรรมบัญญัติเหล่านั้คือสิ่งที่คนอิสราเอลจะต้องปฏิบัติตามในดินแดนคานาอัน
การเชื่อฟังธรรมบัญญัติจะทำให้พวกเขามีครอบครัวที่เข้มแข็งและมีชุมชนที่ชอบธรรม
ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ การทรงสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าจะปรากฏเด่นชัดวันต่อวัน
สัปดาห์ต่อสัปดาห์ และตลอดไป ด้วยเหตุที่มนุษย์มีนิสัยชอบโอนเอียงเข้าหาบาป
ดังนั้นคนของพระเจ้าจึงจำเป็นต้องรื้อฟื้นการยอมจำนนของเขาต่อพระเจ้าในฐานะองค์พระผู้เป็นเจ้า
และองค์พระผู้ช่วยให้รอดของเขา
การดำเนินชีวิตควรมีท่าทีอย่างสัตย์ซื่อต่อพระคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ยชว.1:8-9
อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างจากปากของเจ้า
แต่จงตรึกตรองตามนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน
เพื่อเจ้าจะได้ระวังที่จะทำตามข้อความทุกประการที่เขียนไว้นั้น แล้วเจ้าจะมีความเจริญ
และประสบความสำเร็จ 9 เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด
อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย
เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป”
พระบัญชานี้ตั้งอยู่บนฤทธิ์เดชของพระเจ้า
ผ่านทางพระคำของพระองค์การที่พวกเราจะพบกับความสุข ความเจริญรุ่งเรือง
และประสบความสำเร็จจะต้องปฏิบัติตามสามแนวทางนี้ คือ
1. สนทนาสามัคคีธรรมอย่างสม่ำเสมอ พระคำของพระเจ้าจะต้องไม่ห่างจากปากพวกเรา
ควรพูดคุยกันในเรื่องที่เกี่ยวกับพระคำของพระเจ้า
2.
ฝึกคิดใคร่ครวญพระคำ เมื่ออ่านพระคำทุกครั้งต้องฝึกคิดใคร่ครวญตรึกตรองในพระคำนั้นว่า
ให้ข้อคิดแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างไร
3.
เปลี่ยนแปลงตนเอง อย่าหยุดสิ่งที่ได้จากการใคร่ครวญพระคำ
นำสิ่งที่คิดได้มาทดลองปฏิบัติเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างระมัดระวัง
โดยเริ่มจากสิ่งที่ง่ายๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มความยากขึ้นเรื่อยๆ หากทำแบบนี้จะไม่เกิดความท้อใจเมื่อไม่ประสบความสำเร็จในช่วงแรก
นี่คือ
การเชื่อและสำแดงชีวิตตาม พระคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า “อย่าหวาดกลัวและท้อถอย” หากเริ่มที่จะฝึกฝนเปลี่ยนแปลงตนเองตามพระคำ
ฤทธิ์เดชและการทรงสถิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะอยู่กับพวกเราเสมอ
อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น