วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คิด...ที่แตกต่าง(ตอนแรก)


ยนา.๔:
“...ข้าพระองค์รู้อยู่ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า     ผู้เปี่ยมด้วยพระคุณและความเอ็นดูสงสาร
ทรงเป็นพระเจ้าผู้กริ้วช้าและเปี่ยมด้วยความรัก...”

          ประมาณ ปี๗๘๐ ก่อนคริสตศักราช มีผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งชื่อ “โยนาห์” ที่มีใจแคบ เห็นแก่ตัวรับใช้พระเจ้าด้วยความไม่เต็มใจ โยนาห์เป็นผู้เผยพระวจนะในสมัยกษัตริย์เยโรโบอัมที่๒ กษัตริย์องค์ที่๑๔แห่งอิสราเอล “ทรงเป็นผู้ยึดเขตแดนจากเลโบฮามัท จดทะเลแห่งอาราบาห์ กลับคืนมาเป็นของอิสราเอล เป็นไปตามพระดำรัสขององค์  พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ที่ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะโยนาห์บุตรอามิททัยจากกัทเฮเฟอร์” (๒พกษ.๑๔:๒๕) นี่เป็นคำเผยพระวจนะของโยนาห์ ที่กล่าวว่ากษัตริย์เยโรโบอัมที่๒จะมีชัยชนะต่อชนชาติต่างๆ และพระองค์ได้กระทำตามก็ปรากฏเป็นจริงว่าสามารถตีเอาดินแดนของอิสราเอลคืนมาได้หมด นับแต่นั้นมาโยนาห์จึงเป็นที่รู้จัก หากประมวลเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงชีวิตของโยนาห์แล้ว เขาน่าจะมีชีวิตและทำพันธกิจก่อนอาโมส และโฮเชยา ในสมัยกษัตริย์เยโรโบอัมที่๒ อิสราเอลเป็นประเทศที่มีความรุ่งเรืองอย่างมาก แต่ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของพวกเขาเสื่อมลง ชาวอิสราเอลเห็นแก่ตัว โลภมากและคิดถึงแต่ความเจริญ ความสุขสบายของตนเอง โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของชนชาติอื่น แม้แต่โยนาห์ซึ่งเป็นผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าก็มีใจคับแคบเห็นแก่ตัวเหมือนชาวอิสราเอลทั่วไป โยนาห์ได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้าให้ไปประกาศแก่ “เมืองนีนะเวห์” ของอาณาจักรอัสซีเรีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำไทกริส อยู่ห่างไปสองร้อยห้าสิบไมล์ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองบาบิโลน ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาประมาณหนึ่งร้อยปีก่อนที่อัสซีเรียจะรุกราน และโจมตีกวาดล้างอาณาจักรฝ่ายเหนือ (อิสราเอล) ไปเป็นเชลย ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเพราะเหตุใดพระเจ้าถึงทรงเลือกเมืองนีนะเวห์ ของอาณาจักรอัสซีเรียซึ่งเป็นชนชาติที่โหดร้าย เพื่อการประกาศเรื่อง “การกลับใจใหม่” กระนั้นในพระประสงค์อันเป็นสิทธิ์ขาดของพระเจ้า พระองค์ประทานโอกาสให้ เมืองนีนะเวห์ สำหรับการกลับใจใหม่ในครั้งนี้ โดยพระเมตตา และพระคุณของพระเจ้า พระองค์จึงใช้โยนาห์ให้ไปประกาศในเรื่องนี้แก่เมืองนีนะเวห์ โดยเสนอจะผ่อนผันการพิพากษาแก่เมืองนีนะเวย์หากพวกเขากลับใจใหม่ โยนาห์ไม่อยากไปในการรับใช้ครั้งนี้ เพราะเขาอยากให้เมืองนีนะเวห์พินาศไปเพราะความชั่วร้ายของพวกเขา ฉะนั้นแทนที่โยนาห์จะเชื่อฟังพระเจ้า เขาก็กลับหนีไปทางทิศตรงกันข้าม เขากำลังวิ่งหนีจากการทรงเรียกของพระเจ้า(ยนา.๑:๑-๓) โยนาห์ขึ้นเรือเพื่อหนีไปให้ไกล แต่พระเจ้าทรงส่งพายุมาทำให้เรือเผชิญกับพายุอย่างบ้าคลั่ง คนในเรือที่มาจากที่ต่างๆ ได้พากันอธิษฐานขอความช่วยเหลือต่อบรรดาพระของพวกเขา แต่โยนาห์กลับนอนหลับ เมื่อกัปตันสั่งให้โยนาห์อธิษฐานต่อพระของเขาด้วย โยนาห์กลับหลับต่อไป พระเจ้าทรงตีสอนโยนาห์โดยให้เขาถูกทิ้งลงในทะเลในระหว่างที่เกิดพายุนั้น แต่พระองค์ให้ปลาตัวใหญ่มากลืนร่างเขาไว้(ยนา.๑:๔-๑๗) ในระหว่างที่อยู่ในท้องปลา โยนาห์ได้สรรเสริญพระเจ้าที่ช่วยเขาให้รอด ปลาก็สำรอกเขาออกมาลงบนแผ่นดิน เพื่อพันธกิจของพระองค์จะได้สำเร็จ(ยนา.๒) ในที่สุดโยนาห์ก็ได้ประกาศที่เมืองนีนะเวห์ แต่เขากระทำโดยไม่เต็มใจนัก การเผยพระวจนะมักจะขึ้นต้นด้วยประโยคที่ว่า“พระเจ้าตรัสว่า...” ซึ่งโยนาห์ไม่ได้กล่าวเช่นนี้เลย และไม่ได้บอกด้วยว่าพระเจ้าให้โอกาสพวกเขาได้กลับใจ เพื่อจะทรงผ่อนผันการพิพากษาแก่เมืองนีนะเวห์ออกไป ประชาชนและกษัตริย์เมืองนีนะเวห์ตอบสนองต่อพระบัญชาของพระเจ้าอย่างมากมาย ทุกคนให้ความร่วมมือร่วมใจกันอธิษฐานอดอาหาร “เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรการกระทำของพวกเขาและเห็นเขาเลิกทำชั่ว ก็ทรงเอ็นดูสงสารและไม่ได้ทำลายพวกเขาตามที่ทรงคาดโทษไว้”(ยนา.๓:๑๐) พระเจ้าทรงทราบว่าการกลับใจใหม่ของชาวนีนะเวห์ ไม่ใช่การกระทำแบบผิวเผิน พระองค์รู้ว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับจิตใจของพวกเขา และการดำเนินชีวิตของพวกเขา พระเจ้าทรงกลับพระทัย และทรงระงับการพิพากษานั้นไว้ก่อน หากมองอีกมุมหนึ่งทำให้พวกเราทราบว่า การกลับใจจากการกระทำบาปของมนุษย์ สามารถเปลี่ยนแปลงพระทัยของพระเจ้าได้
         

อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-15.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น