ยนา.๔:๒
“...ข้าพระองค์รู้อยู่ว่า
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ผู้เปี่ยมด้วยพระคุณและความเอ็นดูสงสาร
ทรงเป็นพระเจ้าผู้กริ้วช้าและเปี่ยมด้วยความรัก...”
ประมาณ ปี๗๘๐ ก่อนคริสตศักราช มีผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งชื่อ
“โยนาห์” ที่มีใจแคบ เห็นแก่ตัวรับใช้พระเจ้าด้วยความไม่เต็มใจ
โยนาห์เป็นผู้เผยพระวจนะในสมัยกษัตริย์เยโรโบอัมที่๒
กษัตริย์องค์ที่๑๔แห่งอิสราเอล “ทรงเป็นผู้ยึดเขตแดนจากเลโบฮามัท จดทะเลแห่งอาราบาห์
กลับคืนมาเป็นของอิสราเอล เป็นไปตามพระดำรัสขององค์ พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ที่ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะโยนาห์บุตรอามิททัยจากกัทเฮเฟอร์” (๒พกษ.๑๔:๒๕) นี่เป็นคำเผยพระวจนะของโยนาห์
ที่กล่าวว่ากษัตริย์เยโรโบอัมที่๒จะมีชัยชนะต่อชนชาติต่างๆ และพระองค์ได้กระทำตามก็ปรากฏเป็นจริงว่าสามารถตีเอาดินแดนของอิสราเอลคืนมาได้หมด นับแต่นั้นมาโยนาห์จึงเป็นที่รู้จัก
หากประมวลเหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงชีวิตของโยนาห์แล้ว เขาน่าจะมีชีวิตและทำพันธกิจก่อนอาโมส
และโฮเชยา ในสมัยกษัตริย์เยโรโบอัมที่๒
อิสราเอลเป็นประเทศที่มีความรุ่งเรืองอย่างมาก
แต่ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของพวกเขาเสื่อมลง ชาวอิสราเอลเห็นแก่ตัว โลภมากและคิดถึงแต่ความเจริญ
ความสุขสบายของตนเอง โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของชนชาติอื่น แม้แต่โยนาห์ซึ่งเป็นผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าก็มีใจคับแคบเห็นแก่ตัวเหมือนชาวอิสราเอลทั่วไป
โยนาห์ได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้าให้ไปประกาศแก่ “เมืองนีนะเวห์” ของอาณาจักรอัสซีเรีย
ตั้งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำไทกริส
อยู่ห่างไปสองร้อยห้าสิบไมล์ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองบาบิโลน
ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาประมาณหนึ่งร้อยปีก่อนที่อัสซีเรียจะรุกราน
และโจมตีกวาดล้างอาณาจักรฝ่ายเหนือ (อิสราเอล) ไปเป็นเชลย ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเพราะเหตุใดพระเจ้าถึงทรงเลือกเมืองนีนะเวห์
ของอาณาจักรอัสซีเรียซึ่งเป็นชนชาติที่โหดร้าย เพื่อการประกาศเรื่อง “การกลับใจใหม่”
กระนั้นในพระประสงค์อันเป็นสิทธิ์ขาดของพระเจ้า พระองค์ประทานโอกาสให้
เมืองนีนะเวห์ สำหรับการกลับใจใหม่ในครั้งนี้ โดยพระเมตตา และพระคุณของพระเจ้า
พระองค์จึงใช้โยนาห์ให้ไปประกาศในเรื่องนี้แก่เมืองนีนะเวห์ โดยเสนอจะผ่อนผันการพิพากษาแก่เมืองนีนะเวย์หากพวกเขากลับใจใหม่
โยนาห์ไม่อยากไปในการรับใช้ครั้งนี้
เพราะเขาอยากให้เมืองนีนะเวห์พินาศไปเพราะความชั่วร้ายของพวกเขา
ฉะนั้นแทนที่โยนาห์จะเชื่อฟังพระเจ้า เขาก็กลับหนีไปทางทิศตรงกันข้าม
เขากำลังวิ่งหนีจากการทรงเรียกของพระเจ้า(ยนา.๑:๑-๓) โยนาห์ขึ้นเรือเพื่อหนีไปให้ไกล แต่พระเจ้าทรงส่งพายุมาทำให้เรือเผชิญกับพายุอย่างบ้าคลั่ง
คนในเรือที่มาจากที่ต่างๆ ได้พากันอธิษฐานขอความช่วยเหลือต่อบรรดาพระของพวกเขา
แต่โยนาห์กลับนอนหลับ เมื่อกัปตันสั่งให้โยนาห์อธิษฐานต่อพระของเขาด้วย
โยนาห์กลับหลับต่อไป พระเจ้าทรงตีสอนโยนาห์โดยให้เขาถูกทิ้งลงในทะเลในระหว่างที่เกิดพายุนั้น
แต่พระองค์ให้ปลาตัวใหญ่มากลืนร่างเขาไว้(ยนา.๑:๔-๑๗) ในระหว่างที่อยู่ในท้องปลา
โยนาห์ได้สรรเสริญพระเจ้าที่ช่วยเขาให้รอด ปลาก็สำรอกเขาออกมาลงบนแผ่นดิน
เพื่อพันธกิจของพระองค์จะได้สำเร็จ(ยนา.๒) ในที่สุดโยนาห์ก็ได้ประกาศที่เมืองนีนะเวห์
แต่เขากระทำโดยไม่เต็มใจนัก การเผยพระวจนะมักจะขึ้นต้นด้วยประโยคที่ว่า“พระเจ้าตรัสว่า...” ซึ่งโยนาห์ไม่ได้กล่าวเช่นนี้เลย
และไม่ได้บอกด้วยว่าพระเจ้าให้โอกาสพวกเขาได้กลับใจ เพื่อจะทรงผ่อนผันการพิพากษาแก่เมืองนีนะเวห์ออกไป
ประชาชนและกษัตริย์เมืองนีนะเวห์ตอบสนองต่อพระบัญชาของพระเจ้าอย่างมากมาย
ทุกคนให้ความร่วมมือร่วมใจกันอธิษฐานอดอาหาร “เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรการกระทำของพวกเขาและเห็นเขาเลิกทำชั่ว
ก็ทรงเอ็นดูสงสารและไม่ได้ทำลายพวกเขาตามที่ทรงคาดโทษไว้”(ยนา.๓:๑๐)
พระเจ้าทรงทราบว่าการกลับใจใหม่ของชาวนีนะเวห์ ไม่ใช่การกระทำแบบผิวเผิน
พระองค์รู้ว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับจิตใจของพวกเขา
และการดำเนินชีวิตของพวกเขา พระเจ้าทรงกลับพระทัย และทรงระงับการพิพากษานั้นไว้ก่อน
หากมองอีกมุมหนึ่งทำให้พวกเราทราบว่า การกลับใจจากการกระทำบาปของมนุษย์
สามารถเปลี่ยนแปลงพระทัยของพระเจ้าได้
อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-15.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น