วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

คิด...ที่แตกต่าง(ตอนสุดท้าย)

        สุดท้ายด้วยความประเสริฐเลิศของพระเจ้าเช่นนี้ โยนาห์จึงกลัวว่าพระเจ้าไม่ทรงส่งการพิพากษามายังชาวนีนะเวห์ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ โยนาห์จึงรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง   “ข้าพระองค์ตายเสียดีกว่าอยู่” ในข้อที่๓ ความไม่เป็นผู้ใหญ่ และความเห็นแก่ตัวของโยนาห์จึงปรากฏชัดเจน สิ่งเดียวเขาสนใจคือ ตัวของเขาเอง เขาจึงมีอารมณ์ขุ่นมัว และบอกพระเจ้าให้ทรงฆ่าเขาเสีย เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาไม่ได้ตามใจอยาก เขาจึงเดือดดาลและโอดครวญ และรู้สึกสมเพชตัวเอง ภาพชีวิตของโยนาห์สะท้อนให้เห็นถึงคนไม่รู้จักโต สนใจแต่ตนเอง และไม่มีความสุข เขาวิ่งหนีจากการทรงเรียกของพระเจ้า จากนั้นเมื่อการได้รับใช้ไม่ได้ออกมาตามแบบที่เขาคิดว่าควรจะเป็น โยนาห์ก็อยากล้มเลิกเสีย
                “แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะโกรธโยนาห์ก็ออกไปอยู่นอกเมืองทางตะวันออก แล้วสร้างเพิงขึ้นหลังหนึ่ง แล้วนั่งอยู่ใต้ร่มเพิง และคอยดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับกรุงนีนะเวห์” (ยนา.๔:๔-๕)
        เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะโกรธคำตรัสนี้ช่วยให้ความกระจ่างว่า ทำไมโยนาห์จึงไม่อยากไปประกาศข่าวในเมืองนีนะเวห์ ทั้งนี้เพราะเขาต้องการให้ชาวนีนะเวห์ถูกทำลาย ไม่ใช่ได้รับความรอด ถูกทำโทษ ไม่ใช่ได้รับอภัยโทษ เขารู้ว่าพระเจ้าทรงพระกรุณาต่อคนบาป แต่เขาต้องการให้พระคุณนี้ มีเฉพาะต่อชาวอิสราเอลเท่านั้น เขาอยากตายเสียดีกว่าที่จะเห็นชนต่างชาติได้รับการอภัยโทษเหมือนชาวอิสราเอล ด้วยความหวังเดิมที่ว่าพระเจ้าจะเปลี่ยนพระทัย และทำลายเมืองนีนะเวห์เสีย โยนาห์จึงออกไปนอกเมือง เพื่อคอยดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอีกสี่สิบวันกับเมืองนีนะเวห์
                “แล้วพระเจ้าพระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้เถาไม้เลื้อยเถาหนึ่งงอกขึ้นเหนือโยนาห์ ช่วยบังแดดให้ศีรษะของเขา เพื่อบรรเทาความเดือดเนื้อร้อนใจของเขา โยนาห์ก็มีความสุขมากที่มีเถาไม้เลื้อยนี้ แต่พอฟ้าสางวันรุ่งขึ้น พระเจ้าทรงให้มีหนอนกัดกินเถาไม้เลื้อยนั้น จนมันเหี่ยวเฉาไป เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นพระเจ้าทรงให้มีลมตะวันออกอันร้อนระอุพัดมา แสงอาทิตย์ก็แผดเปรี้ยงเหนือศีรษะของโยนาห์จนเขาแทบเป็นลม โยนาห์อยากตายและตัดพ้อว่าข้าพระองค์ตายเสียก็ดีกว่าอยู่ (ยนา.๔:๖-๘)
       ข้าพระองค์ตายเสียก็ดีกว่าอยู่ประโยคเดิมที่โยนาห์ใช้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากพระเจ้าเพราะความไม่เป็นผู้ใหญ่ และความเห็นแก่ตัวของตนเอง ด้วยพระเจ้าให้บทเรียนแก่โยนาห์ โดยพระองค์ทรงกำหนดให้มีเถาไม้เลื้อยต้นหนึ่งงอกขึ้นมา เป็นที่กำบังศีรษะของเขา เพื่อบรรเทาความร้อน โยนาห์จึงขอบคุณพระเจ้า แต่แล้วพระองค์ทรงทำให้เถาไม้เลื้อยต้นนี้ตายไป โยนาห์จึงโกรธมากจนอยาก
จะตายไปเสีย
                “แต่พระเจ้าตรัสกับโยนาห์ว่า เจ้ามีสิทธิ์จะโกรธเรื่องเถาไม้เลื้อยนี้หรือโยนาห์ทูลว่าข้าพระองค์มีสิทธิ์ ข้าพระองค์โกรธจนอยากตาย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เจ้าเสียดายเถาไม้เลื้อยนี้ ทั้งๆ ที่เจ้าไม่ได้ปลูกหรือดูแลมันให้โต มันงอกขึ้นในชั่วข้ามคืนและตายไปในชั่วข้ามคืน  ก็แล้วนีนะเวห์ซึ่งมีคนกว่า 120,000 คน ซึ่งไม่รู้ประสาว่าไหนมือซ้ายไหนมือขวา ทั้งยังมีสัตว์เลี้ยงอีกมากมาย ไม่ควรหรือที่เราจะห่วงใยนครใหญ่นั้น (ยนา.๔:๙-๑๑)
        เจ้ามีสิทธิ์จะโกรธเรื่องเถาไม้เลื้อยนี้หรือพระเจ้าทรงกระทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้โยนาห์ทราบว่า เขาไม่ต้องการให้เถาไม้เลื้อยนี้ตาย เช่นเดียวกับที่พระเจ้าไม่ต้องการให้ชาวนีนะเวห์ตาย โยนาห์เสียใจเมื่อเถาไม้เลื้อยที่เขามิได้ลงแรงปลูกต้องตายไป แล้วพระเจ้าล่ะจะไม่เสียพระทัยหรื๊อ สำหรับประชาชนที่พระองค์ทรงสร้างแต่โง่เขลาละเลยต่อพระองค์ จนกระทั่งช่วยตนเองไม่ได้ พระเจ้าทรงใช้คำถามที่แทงใจดำโยนาห์ว่า

                นครหนึ่งซึ่งมีประชากรจำนวนนับไม่ถ้วนก็สำคัญกว่าพืชเถาไม้เลื้อยธรรมดาๆ ชนิดหนึ่ง มากเท่าใด ในเมืองนีนะเวห์มีเด็กเล็กๆมากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นคน ที่ไม่รู้จักซ้าย ไม่รู้จักขวา พวกเขาไม่มีความผิดแม้แต่นิดเดียวพระเจ้าไม่ควรไว้ชีวิตเด็กเหล่านี้ พร้อมกับผู้ใหญ่อีกจำนวนมหาศาลที่กลับใจใหม่แล้ว และขอพระเมตตาจากพระเจ้า ไม่สมควรหรือ ที่พระองค์จะเลื่อนการพิพากษาออกไป

        พระเจ้าให้บทเรียนแก่พวกเราผ่านชีวิตโยนาห์ว่า ผู้ที่เชื่อในพระองค์ควรมีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นที่หลงหายไปจากทางของพระเจ้า และกำลังจะพินาศ จงมองข้ามความเกลียดชัง "ความรักเป็นพลังเดียวที่สามารถเปลี่ยนศัตรู ให้กลายเป็นมิตรได้  และเราไม่สามารถกำจัดศัตรูด้วยการปะทะกันด้วยความเกลียดได้  เรากำจัดศัตรูด้วยการกำจัดความเป็นศัตรู" นี่เป็นคำกล่าวของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (ศาสนาจารย์ และนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ชาวอเมริกัน)  “ความรัก” เป็นคำตอบ “แต่เราบอกท่านว่าจงรักศัตรูของท่าน และอธิษฐานเผื่อบรรดาผู้ที่ข่มเหงท่าน”(มธ. 5:44) ถ้ามีคนเกลียดชังและพยามทำลายชื่อเสียงของพวกเรา  ความเกลียดชังของคนๆนั้นอาจมีพลังอำนาจมากพอ  ที่จะล่อลวงให้พวกเราเกลียดเขาเป็นการตอบแทน  แต่พระเยซูคริสต์กลับทรงบัญชาให้เรารักศัตรูและอธิษฐานเผื่อพวกเขาด้วย ความรักอันยิ่งใหญ่ขององค์พระเยซูคริสต์ที่ได้ทรงสละพระชนม์เพื่อพวกเราที่บนกางเขน  แม้ว่าพวกเราจะเต็มไปด้วยความผิดบาป  ความรักของพระเจ้าจะหลอมละลายจิตใจของเรา  เมื่อพวกเราระลึกถึงเวลาที่พระเจ้าทรงยกโทษความผิดบาปให้พวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า พระองค์ก็ยังทรงอ่อนโยน และอดทนต่อพวกเราเสมอ  พระองค์จะทรงรอคอยจนกว่าพวกเราจะเรียนรู้สิ่งที่พระองค์ทรงสอน เมื่อพวกเรารู้จักความรักของพระองค์แล้ว จะเก็บความขมขื่น หรือความอาฆาตต่อคนอื่นได้อย่างไร แต่ถ้ายังคงปฏิเสธไม่ให้ความรักของพระเจ้าหลั่งไหลเข้ามาในจิตวิญญาณ  ยังคงปฏิเสธไม่ยอมละทิ้งความเกลียดชังศัตรู  นั่นก็หมายความว่า  พวกเรายังไม่เคยเชื่ออย่างแท้จริงว่า  พระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อพวกเรา ขณะที่พวกเรายังเป็นคนบาปอยู่ (รม.5:8)

****************************

อ่านบทความอื่นๆได้ที่  http://theword-15.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น