องค์พระผู้เป็นเจ้าทำให้โมเสสมั่นใจในความเชื่อของตนเองที่จะดำเนินชีวิตเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ โดยพระองค์ตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้า” องค์พระผู้เป็นเจ้าได้แสดงถึงความรักอันสัตย์ซื่อความห่วงใย และความปรารถนาของพระองค์ และประทับอยู่ในการสามัคคีธรรมร่วมกับพวกเขา “เราเป็นซึ่งเราเป็น” พระองค์สำแดงว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของปัจจุบันผู้ซึ่งจะตอบสนองต่อ ความต้องการของชาวอิสราเอลด้วยพระองค์เอง พระนามว่า “เราเป็น”มีความหมายว่าพระเจ้าทรงสถิตกับพวกเขาทุกที่ ที่พวกเขาไป ความเชื่อเป็นกุญแจเพียงดอกเดียวที่จะนำพวกเขา เข้าสู่การทรงสถิตของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้ากระทำให้โมเสสมีฤทธิ์อำนาจทำการอัศจรรย์เพื่อคนอื่นจะเชื่อว่าพระเจ้าใช้เขามาจริงๆ นอกจากนั้นพระองค์ให้อาโรนเป็นผู้ช่วยและพูดแทนโมเสส
(อพย.๓:๑๒-๑๔;๔:๒-๑๖)ด้วยความช่วยเหลือทั้งหมดนี้ ทำให้โมเสสมั่นใจเต็มที่ว่า พระเจ้าสามารถช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ให้กระทำพันธกิจที่มอบหมายทุกอย่างได้สำเร็จ
เพราะก่อนที่โมเสสจะสิ้นชีวิต เขาบอกโยชูวาผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาว่า “อย่ากลัว
อย่าท้อแท้เลย องค์พระผู้เป็นเจ้าเอง จะทรงนำหน้าท่านและสถิตอยู่กับท่าน
พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้ง หรือละทิ้งท่านเลย”(ฉธบ.31:8)
สำหรับพวกเราแล้วพระเจ้ามอบหมายพันธกิจให้พวกเราเหมือนกัน
พระองค์บอกให้ “ทำพันธกิจรับใช้”
โดยออกไปประกาศพระกิตติคุณเหมือนกับอ.เปาโลและสาวกคนอื่นๆ (๑ทธ.๑:๑๒) เราทุกคนได้รับสิทธิพิเศษนี้
บางคนเป็นผู้รับใช้เต็มเวลา พี่น้องหลายคนที่รับบัพติสมาแล้วก็ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยศิษยาภิบาล
และผู้ปกครองในคริสตจักร(มธ.24:14; 28:19-20) ในชีวิตการรับใช้บางครั้งพวกเราก็พบกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ
ไม่ต้องกังวลใจพระเจ้าช่วยพวกเราให้พันธกิจรับใช้ของพระองค์สำเร็จจนได้
พวกเราต้องขอให้พระองค์ช่วยและต้องเชื่อว่าพระองค์จะช่วยพวกเราได้ อธิษฐานบอกพระองค์ว่าพวกเรากลัวอะไร
หรือกังวลเรื่องอะไร พระเจ้าผู้มอบหมายพันธกิจนี้ให้พวกเรา เพราะฉะนั้น
พระองค์จะช่วยพวกเราให้ทำพันธกิจนี้จนสำเร็จ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยพวกเราเหมือนๆ
กับที่ช่วยโมเสส ประการแรก พระเจ้าสัญญาว่า “ดังนั้น อย่ากลัวเลย
เพราะเราอยู่กับเจ้าอย่าท้อแท้ เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะทำให้เจ้าเข้มแข็งขึ้นและจะช่วยเจ้า
เราจะชูเจ้าไว้ด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา”(อสย.๔๑:๑๐) ประการที่สอง พระเจ้ายืนยันว่าคำสัญญาของพระองค์เชื่อถือได้
พระองค์บอกว่า“.....เราพูดอะไรไว้ เราจะทำให้เกิดขึ้น เราวางแผนอะไรไว้เราจะทำตามแผนนั้น” (อสย.๔๖:๑๑) ประการที่สาม “แต่เรามีของล้ำค่านี้ในภาชนะดินเพื่อแสดงว่าฤทธานุภาพอันล้ำเลิศนี้มาจากพระเจ้า
ไม่ใช่มาจากตัวเราเอง”(๒คร.๔:๗) องค์พระผู้เป็นเจ้าได้มอบ “กำลังที่มากกว่าปกติ”
แก่พวกเราเพื่อจะทำพันธกิจรับใช้จนสำเร็จ ประการสุดท้าย “เหตุฉะนั้นจงให้กำลังใจกันและเสริมสร้างซึ่งกันและกันขึ้นเหมือนที่ท่านก็กำลังทำอยู่แล้ว”(๑ธส.๕:๑๑) พระเจ้าประสงค์ให้พวกเรามีพี่น้องคริสเตียนทั่วโลก
“ให้กำลังใจกันและเสริมสร้างซึ่งกันและกัน” เพื่อช่วยพวกเราให้ทำพันธกิจที่มอบหมายต่อ
ๆ ไปได้ เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า พวกเราจะมีความเชื่อในพระองค์มากขึ้น และจะเห็นว่าสิทธิพิเศษที่ได้รับใช้พระองค์มีค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติในโลกนี้หลายเท่า
“.....เขามองไปข้างหน้าถึงบำเหน็จของเขา”(ฮบ.๑๑:26)
โมเสสไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับแผนการของพระเจ้าในอนาคต
แต่เขาก็ใช้ความรู้เท่าที่มีตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตอย่างถูกต้อง
เช่นเดียวกับอับราฮัม โมเสสเชื่อมั่นในคำสัญญาของพระเจ้า
เขาจึงไม่คิดว่าการที่ต้องลี้ภัยนาน 40 ปี และรอนแรมอยู่ในป่ากันดารอีก
40 ปีเป็นการเสียเวลาเปล่า แม้โมเสสไม่รู้ว่าพระเจ้าจะทำให้คำสัญญาต่าง
ๆ สำเร็จด้วยวิธีไหน “แต่เพราะความเชื่อ”
เขาจึงมั่นใจว่าจะได้บำเหน็จรางวัลแน่นอนเหมือนกับว่าเห็นบำเหน็จนั้นอยู่ตรงหน้าโมเสสแล้ว # ...พวกเรา...เพ่งมองบำเหน็จ...ที่จะได้รับเช่นเดียวกับโมเสสหรือไม่
?
อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-15.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น