วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ท้อได้...แต่อย่าถอย...(ตอนสาม)

   

พระเจ้าตรัสเกี่ยวกับการปกครองว่า “จงแน่ใจว่าท่านแต่งตั้งคนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกให้เป็นกษัตริย์ เขาจะต้องเป็นคนอิสราเอล ไม่ใช่คนต่างด้าว 16 กษัตริย์ต้องไม่หาม้ามากมายมาเป็นของตัว หรือส่งคนไปที่อียิปต์เพื่อหาม้ามาเพิ่ม เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งไว้ว่า เจ้าจะต้องไม่หวนกลับไปทางนั้นอีก17 เขาจะต้องไม่มีภรรยาหลายคน มิฉะนั้นจิตใจของเขาจะหันเหไป และเขาจะต้องไม่สะสมเงินทองไว้มากมาย(ฉธบ.๑๗:๑๕-๑๗) ถึงแม้ว่าซาโลมอนคิดว่าตนมีปัญญามากว่าผู้อื่น พระองค์กลับละเลยคำสอนที่พระเจ้าประทานให้เกี่ยวกับเรื่องการปกครอง
                   * “ต้องไม่สะสมเงินทอง” แต่ซาโลมอนทรงมีทองคำมหาศาล รายได้ส่วนพระองค์ได้รับทองคำหนักปีละยี่สิบสามตัน (ปีละหกร้อยหกสิบหกตะลันต์ หรือ สองหมื่นสองพันสามร้อยเจ็ดสิบสองกิโลกรัม) น่าจะประมาณค่าได้ห้าร้อยล้านบาท ถ้วยของพระองค์ที่ใช้สำหรับดื่มนั้นทำด้วยทองคำ พระองค์ทรงมีเรือกำปั่นเป็นอันมาก (๑พกษ.๙:๒๖-๒๘,๑๐:๒๒;๒พศด.๘:๑๗-๑๘) ดังนั้นพระองค์จึงทรงมั่งคั่ง และมีสติปัญญาเหนือกว่ากษัตริย์ใดๆ ทั้งหลายในแผ่นดิน (๒พศด.๑:๑๕;:๑๓,๒๐,๒๒)
                   * “ต้องไม่หาม้ามากมาย” แต่ซาโลมอนทรงมีม้าสี่หมื่นตัว ทรงมีรถรบหนึ่งพันสี่ร้อยคัน มูลค่าน่าจะประมาณคันละหนึ่งหมื่นบาท และทรงบังคับบัญชาทหารม้าหนึ่งหมื่นสองพันคน (๑พษก.๔:๒๖;๑๐:๒๖,๒๙)
                   * “ต้องไม่มีภรรยาหลายคน” แต่ซาโลมอนทรงมีมเหสีเป็นเจ้าหญิงเจ็ดร้อยคน และนางสนมสามร้อยคน(๑พกษ.๑๑:๓) ส่วนหนึ่งเป็นธรรมเนียมโปราณ การมีสนมฝ่ายในมากมายนั้นเป็นการแสดงถึงการทูตระหว่างดินแดน มากกว่าการแสดงในเรื่องสัมพันธ์ทางเพศ “การผูกมัดของครอบครัว” เป็นการแสดงถึง “การผูกมิตรทางการเมือง” ความสัมพันธ์ในการแต่งงานของซาโลมอนกับชนชาติอื่นๆ จึงเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองซึ่งทำให้พระองค์มีความมั่นคงปลอดภัยในการเป็นกษัตริย์ การทำข้อตกลงระหว่างดินแดนแบบนี้ทำให้อิสราเอลต้องกระทำสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเป็นการเริ่มต้นที่ทำให้พระอื่นๆ เข้ามาในเยรูซาเล็ม ซาโลมอนไม่เพียงแต่แต่งงานกับหญิงต่างชาติเท่านั้น แต่ยังนมัสการพระของพวกเขา และได้กลายเป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญในศาสนาของต่างชาติด้วย
          ถึงแม้ซาโลมอนไม่ละทิ้งพระยาห์เวห์ แต่ท่านก็นมัสการพระเทียมเท็จอื่นๆ พระองค์ประนีประนอมกับพวกมเหสีและสนมของพระองค์ พระองค์คงคิดว่าในฐานะที่เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นถ้าจะเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายทั่วโลกแล้ว พระองค์ก็สามารถทำสิ่งใดๆก็ได้ตามใจปรารถนา ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ผิดต่อพระคำของพระเจ้าก็ตาม “ทั้งนี้เพราะพวกเขาได้ละทิ้งเราไปกราบไหว้พระอัชโทเรทเทวีของชาวไซดอน พระเคโมชเทพเจ้าของชาวโมอับ และพระโมเลคเทพเจ้าของชาวอัมโมน เขาไม่ได้ดำเนินในทางของเรา ไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเรา และไม่ได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และบทบัญญัติของเราเหมือนดาวิดราชบิดาของเขา(๑พกษ.๑๑:๓๓) เมื่อซาโลมอนชราลง พระองค์ก็ห่างเหินพระเจ้าไกลออกไป โดยนมัสการพระอื่น “พระอัชโทเรท” เป็นเทพเพศหญิงแห่งกาม และความอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นการนมัสการนางจึงเป็นเรื่องในการเสพในทางเพศ รวมถึงการกราบไหว้ดวงดาวต่างๆ นางเป็นเจ้าแม่ที่เลวทราม “พระโมเลค” นมัสการโดยบูชายันด้วยชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฆ่าเด็กๆ ซึ่งการบูชายันด้วยชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเข้มงวดในพระคัมภีร์ (ลนต.๑๘:๒๑;๒๐:๑-๕) “พระเคโมช” เทพแห่งสงครามของพวกชาวโมอับ (กดว.๒๑:๒๙; ยรม. ๔๘:๔๖) เข้าใจว่าชาวโมอับเลียนแบบชาวอัมโมนในพิธีบูชาบุตร  โดยเผาเด็กถวายต่อรูปเคารพ (๒พกษ. ๓:๒๗) ซาโลมอนได้สร้างปูชนียสถานไว้สำหรับพระเคโมชอาจจะเป็นที่เนินเขามะกอกเทศก็ได้ (๒พกษ.๒๓:๑๓)

อ่านบทความต่อได้ที่  http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น