สภษ.3:5-6
จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างหมดใจ
อย่าพึ่งความเข้าใจของตนเอง
จงยอมรับพระองค์ในทุกวิถีทางของเจ้า
แล้วพระองค์จะทรงทำทางของเจ้าให้ราบเรียบ
ความไว้วางใจ
(Trust)
เป็นปัจจัยที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน โดยจะยังคงอยู่ก็ต่อเมื่อบุคคลมีความมั่นใจ
ความไว้ใจจะช่วยลดความไม่แน่นอน
ลดความเสี่ยงและเพิ่มความระมัดระวังของการคิดในการตอบสนองอย่างทันทีทันใดที่มีต่อเหตุการณ์ใดเหคุการณ์หนึ่ง
ความไว้วางใจ เป็น การพึ่งพาอาศัยอยู่บนความซื่อสัตย์ หรือ มิตรภาพของอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อเราไว้ใจใคร เรามีความมั่นใจ และไว้ใจในบุคคลนั้น
การไว้วางใจเป็นความมั่นใจในบุคลิกลักษณะของคนที่เป็นที่พึ่งของเรา โดยไม่ต้องเพียรพยายามอะไร
ความเชื่อที่แท้จริงจะออกมาเป็นการไว้วางใจเต็มที่ ในความสัมพันธ์กับพระเจ้าก็เช่นกัน จิตวิญญาณของเราพึ่งพิงอยู่ในความรัก ความน่าไว้วางใจ ฤทธิ์อำนาจ และความมั่นใจ ในพระลักษณะอันกอปรด้วยคุณธรรมของพระองค์
เมื่อไว้วางใจ ย่อมไม่มีความกระวนกระวาย
ความไว้วางใจกับความกระวนกระวายอยู่ด้วยกันไม่ได้ เมื่อไว้ใจพระเจ้าจริง ๆ แล้ว ย่อมไม่มีความกระวนกระวายใด
ๆ อีกเลย ถ้ายังมีความกระวนกระวายอยู่ ก็แสดงว่าเราไม่ได้ไว้วางใจในพระเจ้าอย่างแท้จริง
“36
ดังนั้นบรรดาผู้ที่โมเสสใช้ไปสำรวจดินแดนและกลับมารายงานในแง่ร้ายเกี่ยวกับดินแดนนั้น
ซึ่งทำให้เหล่าประชากรบ่นว่าโมเสส 37 คนเหล่านั้นซึ่งกระจายข่าวในแง่ร้ายเกี่ยวกับดินแดนนั้นก็ล้มตายลงด้วยโรคภัยต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า
38 ในบรรดาคนที่ไปสำรวจ มีเพียง
โยชูวาบุตรนูนกับคาเลบบุตรเยฟุนเนห์เท่านั้นที่รอดชีวิตอยู่” (กดว.14:36-38)
“รายงานในแง่ร้าย”
ในกันดารวิถี บทที่13 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "จงส่งหัวหน้าจากแต่ละเผ่าเข้าไปสำรวจดินแดนคานาอันที่เราจะยกให้ชนอิสราเอล"
(กดว.13:2) โมเสสจัดส่งคนไปสำรวจดินแดนคานาอัน
โดยให้แต่ละตระกูลต้องส่งคนเข้าร่วมตระกูลละหนึ่งคน
ผู้สอดแนมสิบสองคนนั้นถูกระบุชื่อไว้อย่างชัดเจน (กดว.13:3-16) โมเสสได้สั่งชายทั้งสิบสองคนนี้เข้าไปในแผ่นดินคานาอัน
ขึ้นเหนือไปผ่านเนเกบ โดยให้พวกเขาตรวจสอบดูทั่วแผ่นดินนั้นว่า
ผู้คนที่อาศัยอยู่เป็นอย่างไร ตัวเมืองและนอกเมืองมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างไร
นอกจากนี้โมเสสสั่งพวกเขาว่า “...จงหาทางเก็บพืชผลของดินแดนนั้นกลับมาให้ดูด้วย"
(กดว.13:17-20) ผู้สอดแนมทั้งสิบสองคนนั้นจึงเข้าในเนเกบ
และมาถึงเฮโบรน พวกเขาเดินทางไปจนถึง เรโหบ ตามทางที่คนเข้ามายังเมืองเลโบฮามัท
ดังนั้นพวกเขาจึงเที่ยวไปตลอดแผ่นดินนั้น ตั้งแต่ ศิน
ซึ่งอยู่ในเขตแดนของเมืองเบเออร์เชบาในตอนใต้สุดไปจนถึงเขตแดนตอนเหนือสุดของแผ่นดินคานาอัน
ในเขตแดนเมืองเฮโบรน พวกเขาเห็นลูกหลานของอานาค (เชื้อสายอานาค
เป็นชนเผ่าที่มีรูปร่างใหญ่โตผิดปกติ ใน กดว.13:33 ใช้คำภาษาฮีบรูคำเดียวกันกับ ใน
ปฐม.6:4 คือ คนเนฟิล เป็นมนุษย์ยักษ์ที่สูงเกือบสามเมตร มีการกล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้งใน
1ซมอ.17:4-7 เป็นเรื่องของโกลิอัทซึ่งสูงกว่าสองเมตรครึ่ง น่าจะเชื่อได้ว่าสืบเชื้อสายมาจากชนเผ่านี้)
สำหรับเมืองเฮโบรนนั้นมีความเก่าแก่ สร้างก่อนเมืองโศอันในอียิปต์
ถึงเจ็ดปี ขณะที่อยู่ในเขตแดนเมืองเฮโบรน
พวกเขาตัดองุ่นพวงหนึ่งมาด้วย ซึ่งมีขนาดใหญ่มากจนต้องใช้คนสองคนหามด้วยไม้คาน
พวกเขายังนำผลทับทิม และผลมะเดื่อของแผ่นดินนั้นมาด้วย
การเดินทางของพวกเขาไปทั่วแผ่นดินนั้นใช้เวลาสี่สิบวัน
โดยหลังจากนั้นพวกเขาก็กลับมายังค่ายของอิสราเอล
อ่านบทความต่อได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น