วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

โปรดวางใจ(ตอนสี่)


           37 คนเหล่านั้นซึ่งกระจายข่าวในแง่ร้ายเกี่ยวกับดินแดนนั้นก็ล้มตายลงด้วยโรคภัยต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า+38 ในบรรดาคนที่ไปสำรวจ มีเพียงโยชูวาบุตรนูนกับคาเลบบุตร
เยฟุนเนห์เท่านั้นที่รอดชีวิตอยู่ (กดว.14:37-38) อิสราเอลดื้อรั้นและขาดความไว้วางใจในองค์พระ
ผู้เป็นเจ้า จนกระทั้งพระองค์ต้องตรัสถามโมเสสว่าพระองค์จะต้องทนประชากรที่มีใจไม่เชื่อนี้อีกนานเท่าใด พระองค์กลับประกาศว่า “...เราจะใช้ภัยพิบัติมาทำลายพวกนั้น...” (กดว.14:12) สำหรับพระเจ้าแล้วพระองค์ทรงพร้อมที่จะเริ่มใหม่หมด และสร้างชนชาติใหม่ผ่านทางโมเสส พระองค์ทรงเหลืออดเต็มทนกับความดื้อรั้น ความไม่เชื่อ และการไม่เชื่อฟังของชนชาติอิสราเอล โมเสสอธิษฐานทูลขอเผื่อชนชาติอิสราเอล โมเสส “ยกเหตุผล” โต้แย้งน้ำพระทัยที่ตร้สไว้แล้วในเรื่องนี้ เขาประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนพระประสงค์ และพระดำริของพระเจ้าผ่านทางการอธิษฐานเผื่อ นี่คือความจริงที่ว่า คำอธิษฐานอันร้อนรนของผู้ชอบธรรมมีพลังมากทำให้เกิดผล โมเสสเตือนความจำพระเจ้าก่อนว่า คนอียิปต์จะคิดอย่างไร และเตือนพระเจ้าว่าชนชาติอื่นๆ ในเขตแดนนั้นจะคิดยังไง นั่นคือ พระเจ้าทรงนำประชาชนเหล่านี้ออกจากอียิปต์ และไม่สามารถนำพวกเขาไปถึงแผ่นดินนั้นที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้กับพวกเขา เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงฆ่าพวกเขาเสีย โมเสสกล่าวสรรเสริญฤทธิ์เดชของพระเจ้าต่อไป 18 'องค์พระผู้เป็นเจ้า+ทรงกริ้วช้า บริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง ทรงอภัยบาปและการกบฏ แต่พระองค์จะไม่ทรงละเว้นโทษผู้ที่ทำผิด พระองค์จะทรงลงโทษลูกหลานของเขาเพราะบาปของบรรพบุรุษถึงสามสี่ชั่วอายุคน'”(กดว.14:18 น่าจะยกข้อความมาจาก อพย.34:6-7) เขากล่าวเตือนให้พระเจ้าระลึกถึงความอดทนนาน พระเมตตา และการยกโทษรวมถึงการพิพากษาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ โมเสสจึงวิงวอนพระเจ้าว่า “โดยเห็นแก่ความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ขอทรงอภัยโทษบาปของประชากรเหล่านี้ดังที่ได้ทรงอภัยให้เสมอมาตั้งแต่ข้าพระองค์ทั้งหลายออกจากอียิปต์มาจวบจนบัดนี้" จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ จะทราบถึงพระลักษณะของพระเจ้า พระองค์ทรงไม่พอพระทัยและโกรธเมื่อประชากรที่พระองค์ได้ทรงไถ่มาแล้วนั้นมีใจไม่เชื่อฟังพระองค์ แต่พระองค์ก็ทรงยอมฟังเหตุผลโต้แย้ง และการวิงวอนของโมเสส โดยพระคุณพระองค์ทรงถูกโน้นน้าวจนเปลี่ยนพระทัยเพราะคำอธิษฐานวิงวอนของโมเสส พระองค์ทรงตอบกลับคำของโมเสส  "เราได้อภัยโทษให้พวกเขาตามที่เจ้าขอร้อง...” แม้ว่าอิสราเอล “ไม่ยอมเชื่อถือ” พระองค์ พวกเขาทดลองพระเจ้านับสิบครั้ง สองครั้งที่ทะเลนั้น(อพย.14:11-12) สองครั้งเกี่ยวกับน้ำ(อพย.15:23-24;17:2) สองครั้งเกี่ยวกับมานา(อพย.16:2,20,27;กดว.11:4)สองครั้งเกี่ยวกับนกคุ่ม(อพย.16:12;กดว.11:4) ครั้งหนึ่งเพราะรูปวัว(อพย.32:1-7) และครั้งหนึ่งในถิ่นทุรกันดารปาราน(กดว.14:1-4) ซึ่งครั้งสุดท้ายและเป็นครั้งที่สิบคือ การทดลองที่เกิดขึ้นขณะนี้ ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงกล่าวคำตัดสินของพระองค์ “...ฉันนั้น22 ทุกคนที่ได้เห็นเกียรติสิริของเราและเห็นหมายสำคัญที่เราได้ทำทั้งในอียิปต์และในถิ่นกันดารแล้วยังไม่ยอมเชื่อฟังเรา แต่ลองดีกับเรานับสิบครั้ง 23 ในบรรดาคนเหล่านี้จะไม่มีสักคนเดียวที่จะได้เห็นดินแดนที่เราสัญญาโดยปฏิญาณว่าจะยกให้บรรพบุรุษของเขา จะไม่มีใครที่ดูหมิ่นเรา แล้วจะได้เห็นดินแดนนี้ 24 ส่วนคาเลบผู้รับใช้ของเรามีจิตใจแตกต่างออกไป และติดตามเราอย่างสุดใจ เราจะพาเขาเข้าไปยังดินแดนที่เขาได้สำรวจมา และวงศ์วานของเขาจะได้ครอบครองดินแดนนั้น” (กดว.14:22-24) ด้วยความไม่เชื่อและยุยงให้เกิดกบฏ ผู้สอดแนนทั้งสิบจึงเสียชีวิตที่นั้นเดี๋ยวนั้นเลย “ด้วยโรคภัยต่อพระพักตร์พระเจ้า คาเลบมีจิตใจที่เชื่อฟัง และเต็มใจที่จะก้าวไปข้างหน้าโดยวางใจพระเจ้า เขาได้ติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจมากกว่าใครๆ พระเจ้าจึงทรงสัญญาที่จะนำเขาและวงศ์วานเข้าสู่คานาอัน พร้อมกับครอบครัววงศ์วานของโยชูวาด้วย 
          25 เนื่องจากชาวอามาเลข และชาวคานาอันอาศัยอยู่ในหุบเขา พรุ่งนี้เจ้าจะต้องออกเดินทางกลับไปยังถิ่นกันดาร ตามทางถึงทะเลแดง" (กดว.14:25) นี่เป็นคำสั่งพิเศษเพิ่มเติมให้แก่โมเสส พระองค์ทรงเตือนว่าคนอามาเลข และคนคานาอันอยู่ในหุบเขาที่อยู่ใกล้เคียง ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงสั่งโมเสสให้นำชนชาติอิสราเอลให้หันกลับไปในถิ่นทุรกันดารซึ่งไปทางทะเลแดงในวันถัดไป โมเสสได้ประกาศโทษของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติอิสราเอลนั้นทั้งหมด พวกเขาตอบสนองแสดงความโศกเศร้าเสียใจ แต่ก็ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว อย่างไรก็ตามพวกเขาก็กลับไปประพฤติเช่นเดิมอีก พระองค์สั่งให้กลับไปยังถิ่นกันดารแต่พวกเขาก็ฝ่าฝืนยกกองกำลังเข้าโจมตีชาวอามาเลขและชาวคานาอัน ทั้งที่หีบพันธสัญญาและโมเสสยังอยู่ที่เดิม ผลคือพ่ายแพ้(กดว.14:11-45
           ประชากรอิสราเอลยังเพิกเฉยต่อคำตักเตือนของพระเจ้า พวกเขาทำความผิดที่นำไปสู่ความตาย โดยคิดว่าพวกเขาสามารถเข้าครอบครองแผ่นดินพระสัญญาได้โดยปราศจากการเชื่อฟัง ความเชื่อ และการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าด้วยใจอุทิศถวาย
อ่านบทความต่อได้ที่  http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น