3. การฝึกหลังให้ยอมถูกโบยตี(ยอมรับความทุกข์ยากลำบาก) “พระเจ้าได้ทรงเบิกหูข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าก็ไม่ดื้อดัน ข้าพเจ้าไม่หันกลับ 6 ข้าพเจ้าหันหลังให้แก่ผู้ที่โบยตีข้าพเจ้า
และหันแก้มให้แก่คนที่ดึงเคราข้าพเจ้าออก ข้าพเจ้าไม่หนีหน้า จากความอายแก่การถ่มน้ำลายรด” (อสย.50:5-6) กระบวนการอบรมสั่งสอนซึ่งเริ่มด้วย
การฝึกพูด ไปสู่ การฝึกฟัง และไปสู่ การฝึกทนทุกข์(อดทน)
บททดสอบขั้นสุดท้ายของการเป็นผู้รับใช้คือ “การยอมทนต่อความทุกข์ลำบาก”
คริสเตียนในยุคแรกๆ มักจะถูกนำขึ้นสู้คดีในศาล และถูกตัดสินลงโทษด้วยการถูกโบยตี
เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสอนผู้รับใช้ว่า
การเรียนรู้ที่จะยอมรับการโบยตีด้วยความยินดีนั้น ถือว่าเป็นการรับใช้พระเจ้า “...และเมื่อได้ให้โบยตีพระเยซูแล้ว
ก็มอบให้เขาเอาไปตรึงไว้ที่กางเขน” (มก.15:15)
องค์พระเยซูคริสต์ก็ถูกกระทำเช่นนี้เหมือนกัน
และในกาลต่อมาเปาโลซึ่งเป็นอัครสาวกก็ถูกทำร้ายเช่นกัน “พวกยูเดียเฆี่ยนข้าพเจ้าห้าครั้งๆ
ละสามสิบเก้าที 25 เขาตีข้าพเจ้าด้วยตะบองสามครั้ง
เขาเอาก้อนหินขว้างข้าพเจ้าครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเผชิญภัยเรือแตกสามครั้ง
ข้าพเจ้าลอยอยู่ในทะเลวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง” (2คร.11:24-25)ผู้รับใช้ปัจจุบันอาจต้องเรียนรู้ที่จะยินยอมถูกทรมานร่างกาย
หรือยอมรับความยากลำบากต่างๆ เพื่อเห็นแก่คนอื่น และด้วยความเชื่อฟังพระเจ้า
อาจจะไม่ใช่ความทุกข์จากร่างกายอย่างเดียว แต่อาจจะรับทุกข์ทางใจด้วย
นั้นคือได้รับการดูถูกเหยียดหยาม หรือทำให้เสียเกียรติ ชื่อเสียง และสุขภาพจิต
ผู้รับใช้สมควรต้องเรียนรู้ที่จะอดทนต่อเหตุการณ์เหล่านี้
เพราะนั้นเป็นการเชื่อฟังพระเจ้า
ในบทที่สองของพระธรรมสองทิโมธีนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าได้สอนผ่านการหนุนใจของเปาโลที่มีต่อทิโมธีโดยกำชับให้ทนทุกข์เพื่อข่าวประเสริฐ
“จงทนการยากลำบากด้วยกัน กับทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์ 4
ไม่มีทหารคนใดที่เข้าประจำการแล้ว จะยุ่งอยู่กับงานฝ่ายพลเรือน
ด้วยว่าเขามุ่งที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ” (2ทธ.2:3-4) เปาโลเปรียบผู้รับใช้เป็นทหารเพื่อเน้นว่า
ผู้รับใช้ต้องเป็นคนที่อุทิศตัว ยอมทนทุกข์ และมีใจแน่วแน่ในการทำหน้าที่ ทหารยามรบย่อมถือว่าความยากลำบาก การเสี่ยงภัย
และการทนทุกข์เป็นของธรรมดาที่ต้องพบ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทหาร ฉันใดฉันนั้น คริสเตียนก็ไม่ควรหวังว่าจะมีชีวิตที่สบาย
ถ้าเขาจริงจังกับข่าวประเสริฐ เขาก็ต้องเผชิญการต่อต้านและดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ทหารต้องไม่ไปพัวพันกับงานฝ่ายพลเรือน
คือไม่พัวพันกับสิ่งใดที่อาจขัดขวางมิให้เขาต่อสู้เพื่อพระคริสต์อย่างเต็มที่
ประเด็นนี้อาจเป็นคำแนะนำที่เจาะจงสำหรับผู้รับใช้เต็มเวลาไม่ควรต้องแบกภาระการเลี้ยงชีพโดยทำงาน
“ฝ่ายโลก” เพื่อเขาจะได้ทุ่มเทชีวิตทั้งหมดทำหน้าที่และจดจ่อศึกษาพระวจนะโดยไม่วอกแวก
นอกจากนั้นการทนทุกข์ก็เป็นเงื่อนไขของพระพร “ จงระลึกถึงพระเยซูคริสต์
ผู้ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย และทรงสืบเชื้อสายจากดาวิด
ตามข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศนั้น 9 และเพราะเหตุข่าวประเสริฐนั้น
ข้าพเจ้าจึงทนทุกข์ ถูกล่ามโซ่ตั้งผู้ร้าย แต่พระวจนะของพระเจ้านั้น
ไม่มีผู้ใดเอาโซ่ล่ามไว้ได้ 10 เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงยอมทนทุกอย่าง
เพราะเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกไว้นั้น เพื่อเขาจะได้รับความรอด
ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ พร้อมทั้งศักดิ์ศรีนิรันดร์ 11 ข้อนี้เป็นความจริง คือ
ถ้าเราตายกับพระองค์ เราก็จะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ 12 ถ้าเรามีความอดทน
เราก็จะได้ครองร่วมกับพระองค์ ถ้าเราไม่ยอมรับพระองค์
พระองค์ก็จะไม่ทรงยอมรับเราเช่นเดียวกัน 13 ถ้าเราไม่มีความสัตย์จริง
พระองค์ก็ยังทรงไว้ซึ่งความสัตย์จริง เพราะพระองค์จะไม่ทรงเป็นพระองค์เองไม่ได้ ”
(2ทธ.8-13) ในพระคำนี้เปาโลยกประสบการณ์จริง
3 ประการมาชี้ให้เห็นว่า “ไม่มีสิ่งสูงค่าใดที่ได้มาโดยง่าย”
ดังนี้
ประการแรกคือ
ประสบการณ์ของพระคริสต์
การที่พระคริสต์ทรงเป็นขึ้นจากตายบ่งว่าพระองค์เป็นพระบุตรพระเจ้าและเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
ส่วนการที่ทรงสืบเชื้อสายจากดาวิดบ่งว่าพระองค์เป็นมนุษย์และเป็นพระมหากษัตริย์ ประสบการณ์การสิ้นพระชนม์และคืนพระชนม์ของพระคริสต์ชี้ให้เห็นว่า
ความตายเป็นประตูสู่ชีวิตและการทนทุกข์เป็นหนทางสู่สง่าราศี ประการที่สอง ประสบการณ์ของเปาโล
เปาโลประกาศข่าวประเสริฐเพื่อให้คนที่พระเจ้าทรงเลือกได้รับความรอด ประสบการณ์ของเปาโลแสดงให้เห็นว่า
ไม่มีใครประกาศข่าวประเสริฐได้โดยไม่ต้องทนทุกข์ และประการสุดท้าย ประสบการณ์ของคริสเตียนทุกคน
เราจะได้ชีวิตร่วมกับพระคริสต์ในสวรรค์ก็ต่อเมื่อเรามีส่วนร่วมกับความตายของพระองค์ในโลกนี้
และเราจะได้ครอบครองกับพระคริสต์ในวันหน้าก็ต่อเมื่อเรามีส่วนร่วมทนทุกข์กับพระองค์ในวันนี้
ดังนั้นบางครั้งชีวิตเราอาจจะไม่สะดวกสบาย และไม่น่าจะสัญญากับคนอื่นๆ ว่าชีวิตเขาจะไร้ปัญหาเมื่อติดตามรับใช้องค์พระเยซูคริสต์
เราสามารถอุทิศชีวิตของเราไห้กับพระองค์ได้ โดยเริ่มต้นที่จะปรับตัวปรับใจฝึกพูด ฝึกฟัง และฝึกอดทน ใช้ชีวิตทุกวันเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์
ใช้ชีวิตที่ให้สมกับโลหิตที่พระองค์ทรงหลั่งเพื่อเรา
ประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์ให้กับทุกคนได้รับรู้ สมกับที่กล่าวว่า “
...เป็นผู้อุทิศชีวิตของตน เพื่อพระนามแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา ”
(กจ.15:26)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น