1พี่น้องทั้งหลาย
ข้าพเจ้าอยากให้ท่านรับรู้ข้อเท็จจริงที่ว่าบรรพบุรุษของเราล้วนได้อยู่ใต้เมฆและได้ผ่านทะเลไปทุกคน2 พวกเขาล้วนได้รับบัพติศมาเข้าส่วนในโมเสส ในเมฆและในทะเล 3 พวกเขาล้วนได้รับประทานอาหารทิพย์เหมือนกัน4 และได้ดื่มน้ำทิพย์เหมือนกัน พวกเขาได้ดื่มน้ำจากศิลาทิพย์
ซึ่งร่วมทางมากับพวกเขา และศิลานั้นคือพระคริสต์ 5 อย่างไรก็ตามพระเจ้าไม่พอพระทัยพวกเขาเกือบทั้งหมด
บรรพบุรุษเหล่านั้นจึงล้มตายเกลื่อนกลาดในถิ่นกันดาร 6 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่าง[a] ไม่ให้จิตใจของเราฝักใฝ่ในสิ่งชั่วร้ายเหมือนที่คนเหล่านั้นได้ทำ 7 อย่านับถือรูปเคารพเหมือนบางคน ดังที่มีเขียนไว้ว่า “ประชากรนั่งล้อมวงกินดื่มและลุกขึ้นระเริงในงานเลี้ยงอย่างคนนอกศาสนา”[b] 8 เราไม่ควรทำผิดศีลธรรมทางเพศเหมือนที่บางคนได้ทำแล้วล้มตายถึง 23,000
คนในวันเดียว 9 เราไม่ควรลองดีกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่พวกเขาบางคนได้ทำแล้วถูกงูกัดตาย 10 และอย่าพร่ำบ่นเหมือนที่พวกเขาบางคนได้ทำแล้วถูกทูตมรณะประหาร11 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแก่พวกเขาเพื่อเป็นตัวอย่าง
และบันทึกไว้เพื่อเตือนใจเราผู้ซึ่งอยู่ในยุคที่พระราชกิจของพระเจ้าจะสำเร็จ (1คร.10:1-11) อ.เปาโลนำเหตุการณ์อพยพของอิสราเอลมาเป็นบทเรียนสำคัญ
เพื่อเตือนพวกเราทุกคนในองค์พระเยซูคริสต์ว่า เราจะไม่ได้รับความมั่งคั่งในพันธสัญญาของพระเจ้าหากปราศจากการเชื่อฟังที่เกิดจากความเชื่อ
ประชากรอิสราเอลเป็นตัวอย่างของผู้ที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ฝ่ายวิญญาณ
ซึ่งแสดงให้เห็นในการที่พวกเขามีความมั่นใจเกินควร และไม่มีวินัย เมฆและทะเล ที่กล่าวในที่นี้พาดพิงถึงตอนที่อิสราเอลอพยพออกจากอียิปต์พ้นจากการเป็นทาส
พระเจ้าทรงนำเขาด้วยเมฆ และทรงนำข้ามทะเลแดงมาอย่างปลอดภัย อาหารและน้ำฝ่ายวิญญาณ
เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้อย่างอัศจรรย์ ขณะเดินท่องไปในทะเลทราย “ได้รับบัพติศมาเข้าส่วนในโมเสส”
สิ่งนี้คือ การที่ประชากรอิสราเอลรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้การนำของโมเสส
เมื่อครั้งที่อพยพออกจากอียิปต์ (เปรียบได้กับพวกคริสเตียนเราในปัจจุบันที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระคริสต์ด้วยพีธีบัพติศมา)
พระเจ้าทรงปกป้องและเลี้ยงดูอิสราเอลอย่างมากมาย แต่พวกเขาก็บ่นว่าพระเจ้า
พวกเขาทดลองพระองค์ อ.เปาโลนำวิธีการดำเนินชีวิตของตนเองมาเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้เชื่อทุกคนได้เรียนรู้
“19 แม้ข้าพเจ้าเป็นอิสระและไม่ขึ้นกับใคร
ข้าพเจ้าก็ยอมตัวเป็นทาสรับใช้คนทั้งปวงเพื่อชนะใจผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ 20 ต่อพวกยิวข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนยิวเพื่อชนะใจคนยิว
ต่อบรรดาผู้อยู่ใต้บทบัญญัติข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนผู้อยู่ใต้บทบัญญัติ
(แม้ตัวข้าพเจ้าเองไม่ได้อยู่ใต้บทบัญญัติ) เพื่อจะได้ชนะใจผู้อยู่ใต้บทบัญญัติ 21 ต่อบรรดาผู้ที่ไม่มีบทบัญญัติข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนผู้ที่ไม่มีบทบัญญัติ
(ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นอิสระจากบทบัญญัติของพระเจ้า แต่อยู่ใต้บทบัญญัติของพระคริสต์)
เพื่อจะได้ชนะใจผู้ที่ไม่มีบทบัญญัติ 22 ต่อผู้อ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นผู้อ่อนแอ เพื่อจะได้ชนะใจผู้อ่อนแอ
ข้าพเจ้าได้เป็นคนทุกแบบต่อคนทั้งปวง
เพื่อว่าข้าพเจ้าจะช่วยบางคนให้รอดโดยทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ 23 ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งนี้เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐ
เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนร่วมในพระพรแห่งข่าวประเสริฐ24 ท่านไม่รู้หรือว่าในการแข่งขัน นักวิ่งทุกคนออกวิ่ง
แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัล? จงวิ่งอย่างนั้นเพื่อให้ได้รางวัลมา25 ผู้เข้าแข่งขันทุกคนผ่านการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด เขาทำอย่างนั้นเพื่อมงกุฎอันไม่ยืนยง
ส่วนเราทำเพื่อมงกุฎอันยืนยงเป็นนิตย์ 26 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ได้วิ่งอย่างไม่มีจุดหมาย
ข้าพเจ้าไม่ได้ต่อสู้เหมือนคนชกลม 27 เปล่าเลย
ข้าพเจ้าฝึกฝนตนเองให้อยู่ในการควบคุม
เพื่อว่าหลังจากที่ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่คนอื่นแล้ว ข้าพเจ้าเองจะไม่ขาดคุณสมบัติที่จะรับรางวัล”(1คร.9:19-27)
การประกาศข่าวประเสริฐเป็นของประทาน และเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกให้อ.เปาโลกระทำ
เขาเองก็มีใจปรารถนาทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
และใช้ของประทานของตนเพื่อพระสิริของพระองค์
อ.เปาโลยืนยันว่าท่านมีเสรีภาพจะทำสิ่งใดก็ได้ แต่ในข้อ24-27
ท่านย้ำถึงชีวิตที่มีวินัยเคร่งครัด
ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่มีทั้งวินัยและเสรึภาพ
เป้าหมายแห่งชีวิตของเขาก็เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
และเพื่อนำผู้คนมารู้จักกับพระคริสต์อ.เปาโลจึงไม่ได้ยึดติดกับหลักปรัชญาใดๆ
รวมทั้งไม่พัวพันกับเรื่องทางวัตถุ ซึ่งอาจจะหันเหใจท่านให้ออกจากจุดหมายชีวิต
ขณะเดียวกันก็อยู่อย่างมีวินัยอันเข้มงวด เพื่อจะได้ไปถึงจุดหมาย
สำหรับอ.เปาโลแล้วทั้งเสรีภาพและวินัยเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับใช้พระเจ้า
ชัยชนะในการวิ่งแข่งขันจำเป็นต้องมีทั้งเป้าหมายและวินัย อ.เปาโลใช้ภาพการวิ่งแข่งขันเพื่อสะท้อนถึงการดำเนินชีวิตเพื่อการรับใช้
ดังนั้นชีวิตคริสเตียนต้องทำงานหนัก ต้องปฏิเสธความต้องการของตนเอง และเตรีมพร้อมที่จะเหน็ดเหนื่อยอยู่เสมอในฐานะคริสเตียนเรากำลังวิ่งสู่เป้าหมาย นั่นคือ “รางวัลแห่งเมืองสวรรค์” ชัยชนะในการวิ่งแข่งขันจำเป็นต้องมีทั้งเป้าหมายและวินัยชัยชนะในการวิ่งแข่งขันจำเป็นต้องมีทั้งเป้าหมายและวินัย
บางครั้งอ.เปาโลรู้สึกว่าตนเองอาจจะกลายเป็นคนที่ “ขาดคุณสมบัติ”
จริงๆแล้วท่านไม่ได้หมายความว่า ตัวท่านจะสูญเสียความรอด แต่หมายความว่า
ท่านเกรงว่าจะสูญเสียสิทธิพิเศษที่จะบอกคนอื่นเรื่องพระคริสต์ เป็นเรื่องง่ายที่จะบอกคนอื่นว่าควรใช้ชีวิตอย่างไร
แต่ตนเองไม่ทำตามคำแนะนำของตนเอง พวกเราจึงต้องระวังที่จะทำตามที่พวกเราสอน
วินัยที่ควรมีในชีวิตที่เชื่อและวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ คือ การอธิษฐาน
การศึกษาพระคัมภีร์ และนมัสการสามัคคีธรรม ซึ่งทั้งสามสิ่งนี้จะช่วยให้เรามีความพร้อมที่จะวิ่งอย่างแข็งขันและทรหด
ขออย่าเป็นเพียงผู้ชมบนอัฒจันทร์ และอย่าเป็นเพียงผู้วิ่งเหยาะๆ ออกกำลังพักสองพักในตอนเช้า แต่ให้ฝึกฝนอย่างหมั่นเพียร เพราะความก้าวหน้าฝ่ายจิตวิญญาณของพวกเราขึ้นกับสิ่งเหล่านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น