2.
สามัคคีธรรมด้วยรัก “...มีความคิดอย่างเดียวกัน
มีความรักอย่างเดียวกัน...คิดพร้อมเพรียงกัน” (ฟป.2:2) การสามัคคีธรรมเป็นหนึ่งในน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับคริสเตียนทุกคน
ด้วยเหตุนี้ เราควรร่วมกันสร้างการสามัคคีธรรมที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในคริสตจักร
ผ่านการเข้าร่วมและการเข้าส่วนในชีวิตเพื่อเสริมสร้างกันและกัน “จงเพียรพยายามให้คงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ซึ่งพระวิญญาณทรงประทานนั้น ด้วยสันติภาพเป็นพันธนะ 4 มีกายเดียว
และมีพระวิญญาณองค์เดียวเหมือนมีความหวังใจอันเดียวที่เนื่องในการทรงเรียกท่าน 5
มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว 6
พระเจ้าองค์เดียวผู้เป็นพระบิดาของคนทั้งปวง ผู้ทรงอยู่เหนือคนทั้งปวง และทั่วคนทั้งปวง และในคนทั้งปวง” (อฟ.4:3-6) องค์พระผู้เป็นเจ้ามีน้ำพระทัยที่จะให้
เราเพียรพยายามเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะเรามี “เจ็ด” สิ่งที่เหมือนกันคือ
เรา “มีกายเดียว พระวิญญาณองค์เดียว ความหวังใจอันเดียว องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว
ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว และพระเจ้าองค์เดียวผู้เป็นพระบิดา” คริสเตียนทุกคนมีพระเจ้าองค์เดียวกันเป็นพระบิดาของเราทุกคน
คริสเตียนทุกคนจึงเป็นพี่น้องกันในครอบครัวของพระเจ้า
ดังนั้นในหมู่พี่น้องคริสเตียนจะต้องมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
และรักซึ่งกันและกัน
ภาพเปรียบเทียบที่ชัดเจนที่สุดก็คือ
ฟืนหลายท่อนที่ติดไฟอยู่รวมกันจะสามารถให้ความร้อนได้เป็นระยะเวลานาน
แต่หากเราดึงฟืนท่อนหนึ่งออกมา เปลวไฟของฟืนท่อนนั้นจะค่อยๆ
มอดแล้วก็ดับลงในที่สุด สิ่งที่เหลือทิ้งไว้ก็คือ ฟืนท่อนหนึ่งที่ไม่สามารถจะให้ความอบอุ่นหรือแสงสว่างได้อีก
ชีวิตคริสเตียนของเราก็เช่นเดียวกัน
สิ่งที่จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า
ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคริสเตียนคนอื่นๆ
และสิ่งที่จะช่วยให้เรารับใช้พระเจ้าได้อย่างเกิดผลมากขึ้น
ก็คือการร่วมรับใช้กับคริสเตียนคนอื่นๆ ดังนั้น การสามัคคีธรรมจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับชีวิตคริสเตียน
3. มีใจถ่อม “จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว”
(ฟป.2:3) ด้วยความเห็นแก่ตัวมีมาจากการล้มเหลวของมนุษย์ตั้งแต่ดั้งเดิม
จึงส่งผลทุกวันนี้ โลกไม่ได้ยกย่องความถ่อมใจไว้สูง จะตีราคาความถ่อมใจไว้หลัง ชื่อเสียง
ฐานะการเงิน ด้วยท่าทีแบบนี้ จึงทำให้คนทำลายศักดิ์ศรีสิ่งที่สำคัญที่พระเจ้าให้ไว้ในตัวมนุษย์ที่มีคุณค่ายิ่ง
เหมือนพระคริสต์ที่ทรงยอมถ่อมพระองค์ลงมาเพื่อมนุษย์เพราะเห็นคุณค่าชีวิตของมนุษย์
ความภูมิใจในตนเองเป็นสิ่งที่ดี หากความภูมิใจของตนเองไม่ไปทำร้าย หรือดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น
หากความภูมิใจที่มาจากพระเจ้า จะเป็นความภูมิใจแง่บวก ไม่ทำร้ายใคร
มีแต่จะช่วยให้คนได้รับสิ่งที่ดีผ่านตนเองจะเป็นความภูมิใจที่ตระหนักว่า แม้แต่ตัวเราเอง
หากปราศจากพระเจ้า เราก็ไม่มีอะไรที่จะอวดอ้างได้เลย
มีถ้อยคำที่เขียนให้เราตระหนักถึงการมีใจถ่อมว่า
“ยอมแพ้เสียบ้าง ทำลายกำแพงแห่งความถือดีบ้าง
จะพบสิ่งดี และได้ดี” “ทุกคนที่เราพบ
ล้วนรู้อะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ เพราะฉะนั้น จงเรียนรู้จากเขา” “จงยินดีในความสำเร็จของผู้อื่น” “อย่าอยู่เฉย ๆ
เพราะคิดว่าตัวเองทำได้เล็กน้อย แต่จงทำเท่าที่ทำได้” “จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น
เพราะคุณไม่อาจมีชีวิตยาวนานเพียงพอที่จะทำสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด ด้วยตัวคุณเอง”
โบราณท่านเปรียบเทียบไว้ว่า ธรรมดารวงข้าวที่เมล็ดมีเนื้อสมบูรณ์ ย่อมโค้งรวงลงมาอย่างงดงามน่าดู ส่วนรวงข้าวที่ปราศจากเมล็ด ไม่สมบูรณ์หรือปราศจากเนื้อ ย่อมชูชันปลายรวงชี้ขึ้นฟ้าฉันใด คนที่มีคิดแต่สิ่งดีในตัวเองนั้น
ย่อมโค้งศรีษะ พนมมือไหว้หรือแสดงอาการอ่อนน้อมให้แก่คนทุกชั้น ส่วนคนที่ขาดสมบัตินี้
ย่อมทำตนเป็นคนแข็งกระด้าง ไม่ยอมค้อมหัวให้แก่ผู้ใด พึงรู้ไว้เถิดว่า การแสดงความเคารพหรือโค้งศรีษะ
พนมมือไหว้ ให้แก่คนทั่วไปนั้น ไม่ใช่แสดงถึงความอ่อนแอหรือเกรงกลัวคน แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงสมบัติผู้ดีที่มีอยู่ในตน
“เหตุฉะนั้น
ในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้
เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก
จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน”(คส.3:12) ผู้ดำเนินชีวิตคริสเตียนเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกและเลือกไว้ เป็นกลุ่มที่พระเจ้าทรงรัก
ควรสำนึกในพระคุณของพระองค์ที่เกิดขึ้นกับชีวิต ต้องเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตด้วยความบริสุทธิ์
โดยมีใจเมตตา มีใจปรานี มีใจถ่อม มีใจอ่อนสุภาพ และมีใจอดทน ชีวิตก็จะเป็นคนที่รู้จักพอ
ไม่ทะเยอทะยาน มองคนอื่น และมองโลกในแง่ดี รู้จักเอาชนะใจตนเอง มีความสุขุมรอบคอบ เราก็จะเป็นที่รักและเอ็นดูของผู้ใหญ่
เป็นที่รักของคนรอบข้าง แล้วชีวิตและหน้าที่การงานก็จะประสบความสำเร็จมีความก้าวหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น