วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

ผ่านช่วงเวลาแห่งความมืดมน(ตอนสี่)

        หากเราใคร่ครวญความทุกข์ความเจ็บปวดที่เกิดกับโยบนั้น จริงๆแล้วไม่ได้เกิดเพราะโยบ ทำบาปจนพระเจ้าต้องพิพากษาลงโทษ แต่เกิดเพราะพระเจ้าทรงมั่นใจอย่างยิ่งในความสัตย์ซื่อของโยบ ชีวิตเราเองก็อาจจะถูกทดสอบเช่นนี้ได้เหมือนกัน อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไป เราเองอาจกลายเป็นคนที่อ่อนแอได้เมื่อต้องทนทุกข์และเจ็บปวด เราต้องยึดความเชื่อไว้ให้มั่นแม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ  “จงอย่าดูถูกตนเอง” เราเคยดูถูกตนเอง หรือเกลียดตนเองบ้างไหม? ในเวลาที่เราท้อแท้  เกิดความเครียด อึดอัด หรือไม่สมหวังอะไรบางอย่างในชีวิต มนุษย์เรามักจะลงท้ายด้วยการดุด่าตนเอง ว่าตนเอง ว่าเราไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ทำไมชีวิตมันบัดซบเช่นนี้  เรามันไม่น่าเกิดมาเลย... การกระทำนั้นเป็นการกระทำที่ทำให้เรามีสภาพการที่แย่ลงกว่าเดิม  เพราะเป็นช่วงที่เราไม่ได้รักตนเอง ลงโทษตนเอง และดูถูกตนเอง ความสำเร็จต่างๆ ก็จะห่างไกลออกไปทุกที ทุกที  เมื่อเราคิดในแง่ลบกับตนเอง จะขาดซึ่งสติยั้งคิดในการพิจารณาบ่อเกิดของปัญหา มันยิ่งทำให้ปัญหาเลวร้ายลง เมื่อปัญหาชีวิตเดิมไม่ได้แก้ไข  เมื่อมีปัญหาใหม่เข้ามาทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ท้อแท้เสียก่อนแล้ว ทำให้ปัญหาเดิมไม่ได้แก้ไข ปัญหาใหม่ก็เตรียมก่อตัว ปัญหายิ่งพอกพูนจนยากที่จะแก้ไข อันเป็นการสร้างปมด้อยให้ตนเองไปโดยปริยาย
 
           การดูถูกตนเอง กล่าวโทษตนเอง ดุด่าตนเอง เมื่อทำบ่อยครั้งเข้า จะทำให้ร่างกายและจิตของเราบันทึกความล้มเหลว ความท้อแท้ของเราไว้ จิตและสมองของเราไม่ได้แยกแยะว่า เรากำลังคิดอะไรอยู่กับตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านบวก หรือด้านลบ จิตกับสมองของเราจะสนับสนุนความคิดนั้นให้เกิดเป็นความจริง ยิ่งเราคิดดูถูก กล่าวโทษตนเองซ้ำๆ ซ้ำๆ จะยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เราขาดความมั่นใจ เมื่อจะทำอะไรใหม่ๆ ก็จะท้อแท้ไปเสียก่อนแล้วทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย  ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำ ณ ตอนนี้ก็คือ “เลิกดูถูกตนเอง ….. จงคิดว่าเรานั่นแหละเจ๋ง และแน่จริง”
            จงคิดว่าเรานั่นแหละเก่งที่สุด  ใครก็ตามที่ว่าเรา บั่นทอนกำลังใจเรา ให้เราคิดว่าเราเก่งที่สุด เจ๋งที่สุด ดีที่สุด อย่างไปใส่ใจต่อปัญหา และคำนินทาของคนอื่น เรานั่นแหละคือของจริง “เพราะพระคริสต์ปลอมและผู้เผยพระวจนะเท็จจะปรากฏขึ้นและแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่เพื่อลวงแม้กระทั่งผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้ถ้าเป็นไปได้”(มธ.24:24) แม้ว่าการหลอกลวงในยุคสุดท้ายจะยิ่งใหญ่จนคนที่ได้รับเลือกจะถูกหลอกลวง ถ้าพระเจ้าไม่ได้ทรงปกป้องเรา พระเจ้าจะทรงทำลายมารซาตานและทุกคนที่ปฏิบัติตามพวกมันทั้งสิ้น (วว.19-20) เราได้บังเกิดใหม่อีกครั้งในฐานะเป็นคนใหม่ในพระเยซูคริสต์ และเราอยู่ต่อพระพักตร์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ทรงประทับอยู่ภายในตัวเรา และเราอยู่ภายใต้การปกป้องนั้นอยู่ “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ การทรงสร้างใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว สิ่งเก่าได้ล่วงไป สิ่งใหม่ได้เข้ามา!” (2คร.5:17)  และ “ ...ถ้าพระวิญญาณของพระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นจากตายสถิตในท่าน พระองค์ผู้ทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตายจะประทานชีวิตแก่กายซึ่งต้องตายของท่านด้วย พระองค์ประทานชีวิตนั้นโดยทางพระวิญญาณของพระองค์ผู้สถิตในท่าน” (รม.8:11)  
          เราไม่จำเป็นต้องกังวลว่าใครก็ตามจะมาทำเวทมนต์คาถาชั่วร้ายใส่เรา ผู้ทำพิธีไสยศาสตร์ มนต์คาถา พ่อมดหมอผี และคำสาปแช่งไม่มีอำนาจเหนือเราเพราะพวกมันมาจากซาตาน ลูกที่รัก ท่านมาจากพระเจ้าและได้ชนะคนพวกนั้น เพราะพระองค์ผู้ทรงอยู่ในท่านยิ่งใหญ่กว่าผู้นั้นซึ่งอยู่ในโลก (1ยน.4:4) พระเจ้าได้ทรงชัยชนะมันแล้ว และเราได้รับอิสระที่จะนมัสการพระเจ้าโดยไม่ต้องกลัว (ยน.8:36) เราจะกลัวใครเล่า?ในเมื่อ “องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องเกรงกลัวผู้ใด? องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นที่กำบังแข็งแกร่งสำหรับชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องหวาดกลัวผู้ใด? (สดด.27:1)


อ่านบทความต่อได้ที่  http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น