วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ต้องทนทุกข์ทรมานชั่วขณะหนึ่ง (ตอนสี่)



            1ปต.1:6ในความรอดนั้นท่านทั้งหลายชื่นชมยินดี ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ จำเป็นที่ท่านจะต้องทนทุกข์ทรมานชั่วขณะหนึ่งในการถูกทดลองต่างๆ  อ.เปโตรให้ความสำคัญถึงความทุกข์ยาก และการทดสอบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตคริสเตียน ท่านจึงกล่าวว่า ในความรอดนั้น ท่านทั้งหลายชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าเดียวนี้จำเป็นที่ ท่านจะต้องเป็นทุกข์ใจชั่วขณะหนึ่ง ด้วยการถูกทดลองต่างๆ ในด้านหนึ่งพวกเราชื่นชมยินดีในความรอดของเรา ถึงแม้ว่าในทางกลับกันบางครั้งเราก็เป็นทุกข์ เพราะการดำเนินชีวิตคริสเตียนด้วยเช่นกัน
            อาณาจักรโรมันเริ่มรุ่งเรืองมาตั้งแต่ปี 509 ก่อนคริสตกาล โดยมีพื้นที่ตั้งแต่เหนือจรดใต้ของทวีปยุโรป ก็เพราะมีจักรพรรดิที่เก่งกล้า มีความสามารถในเชิงรบและความมีประสิทธิภาพของทหาร(ทหารโรมันมีชื่อในเรื่องของระเบียบวินัยอย่างเยี่ยมยอด) คริสเตียนยุคแรกถูกข่มเหง และตกเป็นเป้าของการกดขี่ข่มเหง ก็เพราะว่า
                        ๑ พวกเขาปฏิเสธไม่ยอมกราบไหว้จักรพรรดิโรมันในฐานะเทพเจ้าองค์หนึ่ง จึงถูกมองว่าเป็นพวกไม่นับถือพระเจ้าและเป็นผู้ทรยศ
                        ๒ พวกเขาไม่ยอมนมัสการที่วิหารของรูปเคารพ ดังนั้นที่ใดมีคริสเตียนจำนวนมากอาศัยอยู่ ธุรกิจในวิหารซึ่งทำเงินดีก็จะขาดรายได้
                        ๓ พวกเขาไม่เห็นด้วยกับความคิดของชาวโรมันที่ถือเอาตนเอง อำนาจและชัยชนะเป็นที่หนึ่งในชีวิต และชาวโรมมันเองก็ดูหมิ่นความเชื่อของคริสเตียนในเรื่องของการเสียสละตนเองเพื่อรับใช้ผู้อื่น
                        ๔ พวกคริสเตียนกล้าเปิดเผย และไม่ยอมประพฤติผิดศีลธรรมที่เลวร้าย ตามวัฒนธรรมของคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า
            ความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมันมาถึงจุดที่ตกต่ำที่สุด ก็เนื่องจากการปกครองของจักรพรรดิ
เนโร (ค.ศ. 54-68) ท่านขึ้นครองราชย์เมื่อวัยได้เพียง 17 ชันษาเท่านั้น ด้วยความที่เป็นคนทะเยอทะยานและมีจิตใจผิดมนุษย์ทั่วไป และพระองค์มักสร้างเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ใครจะคาดคิดได้อยู่เนือง ๆ เช่นมีเหตุการณ์ที่ทำให้โลกต้องตะลึงก็คือ ในค่ำคืนของวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 64 ได้เกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนของประชาชนครั้งใหญ่ โดยเพลิงไหม้ครั้งนี้กินเวลานานถึง 6 วัน 6 คืนด้วยกันบ้านเรือนต้องถูกเผาผลาญวอดวายพร้อมทั้งการสูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมากมาย แต่จักรพรรดิเนโรทรงนั่งดีดพิณอย่างสำเริงสำราญใจในขณะที่เพลิงกำลังโหมไหม้อยู่นั้น และก็มีเสียงซุบซิบนินทาไปทั่วว่ามือ
ที่วางเพลิงครั้งนี้คงเป็นใคร ไปไม่ได้นอกเสียจะเป็นพระองค์นั่นเอง
            ความร้ายกาจของจักรพรรดิเนโรยังไม่จบ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ได้นำมาซึ่งความโกรธแค้น ของหมู่ประชาชน และนี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พระองค์จะต้องหาแพะมารับบาป นั่นก็คือพวกคริสเตียน โดยใส่ร้ายว่าพวกคริสเตียนนั่นแหละ เป็นผู้ลงมือวางเพลิงจนทำให้ประชาชนต่างพากันลุกฮือขึ้นต่อต้านคริสเตียนและหากรู้ว่าใครเป็นคริสเตียนก็จะเข้าไปทำร้ายหรือมุ่งหมายชีวิตอยู่เป็นเนือง ๆจักรพรรดิเนโรเองก็ทรงมีรับสั่งให้มีการประหารชีวิต หรือทรมานพวกคริสเตียนได้ทั้งนั้น(พวกคริสเตียนขณะนั้นยังถือว่าเป็นกลุ่มความเชื่อใหม่ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อคนทั่วไป และยังมีจำนวนน้อย) ฉะนั้นคริสเตียนบางคนเมื่อถูกจับก็ถูกตรึงที่กางเขน หรือถูกเอาหนังสัตว์คลุมตัวแล้วให้สุนัขมารุมกัด หรือต้องถูกมัดติดกับเสาแล้วจุดเผาไฟทั้งเป็น เพื่อให้แสงสว่างในยามค่ำคืน ด้วยความที่เป็นคนที่มีโทสะจริตโหดร้ายผิดมนุษย์มนา และการที่เป็นคนที่จิตวิปลาสนี้เองประชาชนจึงทนต่อไปไม่ไหว
จึงได้รวมตัวเพื่อต่อต้านโดยมีแรงสนับสนุนจากหมู่แม่ทัพทางทหาร บวกกับได้มีมติจากสภาสูงของโรมันสั่งปลดออกจากการเป็นจักรพรรดิเนโรจึงต้องเร่ร่อนหลบหนีไป และได้จบชีวิตลงเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 68  ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้กลุ่มคนผู้ที่เชื่อใหม่ลดน้อยลง แต่ในทางตรงกันข้ามกลุ่มคนผู้ที่เชื่อใหม่นี้ได้ก่อตัวขึ้นอย่างทวีคูณภายใต้ชื่อ “คริสเตียน” นั่นเอง
            อาจเกิดความสงสัยขึ้นในใจว่า เมื่อเรากลับใจบังเกิดใหม่แล้ว ทำไมชีวิตจึงต้องประสบปัญหา และความทุกข์ด้วย ก็เพราะพวกเราต้องดำเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้ ย่อมต้องเผชิญกับปัญหาอย่างแน่นอนก็ด้วยสาเหตุอย่างน้อย หก ประการ คือ
                        ๑ โลกนี้ถูกแช่งสาปเพราะบาป  ปฐก.3:16-19 พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า "เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากขึ้นมากมาย ในเมื่อเจ้ามีครรภ์ และคลอดบุตร ถึงกระนั้นเจ้ายังปรารถนาสามี และเขาจะปกครองตัวเจ้า" 17พระองค์จึงตรัสแก่อาดัม (แปลว่า มนุษย์) ว่า "เพราะเหตุเจ้าเชื่อฟังคำพูดของภรรยา และกินผลไม้ที่เราห้าม แผ่นดินจึงต้องถูกสาป เพราะตัวเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำบากจนตลอดชีวิต 18แผ่นดินจะให้ต้นไม้ และพืชที่มีหนามแก่เจ้า และเจ้าจะกินพืชต่างๆ ของทุ่งนา19เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับเป็นดินไป เพราะเราสร้างเจ้ามาจากดิน เจ้าเป็นผงคลีดิน และจะต้องกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม" พวกเราคงทราบมาแล้วว่ามนุษย์ได้หลงทำผิดบาปครั้งแรกอย่างไร และในทันทีที่มนุษย์ทำผิดบาป มนุษย์จึงกลัว
พระเจ้า และหนีไปซ่อนตัวอยู่เพื่อจะหลบให้พ้นพระพักตร์ของพระเจ้า และการลงโทษที่พวกเขาได้รับคือการถูกแยกจากพระเจ้า และผลกระทบของบาปก็มีต่อธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจมนุษย์ให้ระลึกถึงผลของบาป และเป็นเหตุให้มนุษย์พึ่งพาพระเจ้าโดยความเชื่อ และการเชื่อฟัง


อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น