1ปต.1:4-5 และเพื่อให้ได้รับมรดก ซึ่งไม่รู้เปื่อยเน่า
ปราศจากมลทิน และไม่ร่วงโรยซึ่งได้เตรียมไว้ในสวรรค์เพื่อท่านทั้งหลาย 5ซึ่งเป็นผู้ที่ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ทรงคุ้มครองไว้ด้วยความเชื่อให้ถึงความรอด
ซึ่งพร้อมแล้วที่จะปรากฏในวาระสุดท้าย องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่เพียงแต่ทรงให้พวกเราบังเกิดใหม่สู่
“ความหวังใจอันมีชีวิต” อยู่เท่านั้น แต่ “เพื่อให้เราได้รับมรดก” กท 3:29 และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้วท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม
คือ เป็นผู้รับมรดกตามพระสัญญา
การกลับใจบังเกิดใหม่ทำให้พวกเราเป็นของพระเยซูคริสต์
ซึ่งพระองค์เกิดเป็นมนุษย์จากชนชาติอิสราเอล พระองค์เป็นยิว
ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงได้รับมรดกของอับราฮัม (พระพรแห่งความรอด)
ผ่านทางพระเยซูคริสต์
องค์พระผู้เป็นเจ้ากระทำพันธสัญญา เป็นมรดกในโลกนี้ผ่านทางอับราฮัม
ในปฐมกาล 12 ข้อ 1-3 (ปฐก.12:1-3 พระเจ้าตรัสแก่อับราม ว่า "เจ้าจงออกจากเมือง จากญาติพี่น้อง
จากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังดินแดนที่เราจะบอกให้เจ้ารู้ 2เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เราจะอวยพรแก่เจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป แล้วเจ้าจะช่วยให้ผู้อื่นได้รับพร3
เราจะอำนวยพรแก่คนที่อวยพรเจ้า เราจะสาปคนที่แช่งเจ้า
บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า") พระเจ้าประทานมรดกให้อับราฮัม
และพงศ์พันธุ์ของเขาให้เป็นชนชาติใหญ่ (อิสราเอล) พระเจ้าตรัสว่า เราจะอวยพรเจ้า ซึ่งก็เป็นความจริง
เมื่ออับราฮัมเชื่อฟังพระเจ้า ออกจากบ้านเกิดเพื่อไปยังดินแดนแห่งพันธสัญญาที่พระเจ้าประทานให้อับราฮัม
และพงศ์พันธุ์ของเขาได้รับการอวยพรอย่างมากมาย ใครที่อวยพรอิสราเอล จะได้รับพร ซึ่งก็เป็นความจริง อเมริกา และญี่ปุ่นต้อนรับอิสราเอลในช่วงสงครามโลกครั้งที่ สอง เขาก็ได้รับการอวยพรจากพระเจ้า เป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรือง
ใครที่สาปแช่งอิสราเอล พระเจ้าก็จะสาปแช่งเขา ดังเช่น บาบิโลน และอามาเลข ประเทศของเขาก็สาบสูญไปจากโลกนี้
มรดกของอับราฮัมตามพระสัญญานี้
เกิดผลและเป็นจริง กท.3:23 -29 “ก่อนที่ความเชื่อมานั้น เราถูกธรรมบัญญัติกักตัวไว้...ธรรมบัญญัติจึงควบคุมเราจน
พระคริสต์เสด็จมา..และบัดนี้ ความเชื่อได้มาแล้วเราจึงไม่ได้อยู่ใต้บังคับของผู้ควบคุมอีกต่อไป
เพราะท่านเป็นบุตรของพระเจ้าร่วมในพระเยซูคริสต์โดยความเชื่อ........จะไม่เป็นยิวหรือกรีก
จะไม่เป็นทาสหรือไท..... เพราะท่านเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยพระเยซูคริสต์ และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้ว
ท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของ อับราฮัม คือเป็นผู้รับมรดกตามพระสัญญา” พระคำกล่าวว่า “ก่อนที่พระเยซูเสด็จมา เราถูกบัญญัติควบคุมไว้”
และ “ซาตานใช้ธรรมบัญญัติเป็นช่องในการปรักปรำ กล่าวโทษมนุษย์”
ทำให้มนุษย์ไม่มีเสรีภาพ และตกอยู่ภายใต้อานุภาพของมารร้าย มนุษย์ต้องรอจนพระเยซูคริสต์เสด็จมาในโลก
พระองค์เสด็จมาพร้อมด้วยพระพรแห่งความเชื่อ ใครที่เชื่อ และไว้วางใจ พระเยซู
จะได้รับมรดกคือความรอด และชีวิตนิรันดร์ ชีวิตที่ไม่รู้เปื่อยเน่า ปราศจากมลทิน และไม่ร่วงโรยซึ่งได้เตรียมไว้ในสวรรค์
“พระเยซูคริสต์ได้มาฉีกกรมธรรม์ซึ่งผูกมัดเราด้วยบัญญัติต่างๆ”
(คส.2:14พระองค์ทรงฉีกกรมธรรม์ซึ่งได้ผูกมัดเราด้วยบัญญัติต่างๆ
ซึ่งขัดขวางเรา และได้ทรงหยิบเอาไปเสียให้พ้น โดยทรงตรึงไว้ที่กางเขน) ไม่ให้ธรรมบัญญัติควบคุมมนุษย์โดยซาตาน
มรดกของอับราฮัม โดยทาง
พระเยซูคริสต์จึงตกเป็นของเราทั้งหลาย และประชาชาติทั่วโลก ตามพระสัญญาของพระองค์
(กท. 3:29และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้วท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม
คือเป็นผู้รับมรดกตำมพระสัญญา)
“ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ทรงคุ้มครองไว้ด้วยความเชื่อให้ถึงความรอด”
พระเจ้าจะทรงช่วยเราให้ยืนหยัดในความเชื่อได้
ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความลำบากอย่างมากมายก็ตาม “วาระสุดท้าย หรือ ยุคสุดท้าย”
รม.14:10แต่ตัวท่านเล่า
เหตุไฉนท่านจึงกล่าวโทษพี่น้องของท่าน หรือท่านผู้เป็นอีกฝ่ายหนึ่ง
เหตุไฉนท่านจึงดูหมิ่นพี่น้องของท่าน
เพราะว่าเราทุกคนต้องยืนอยู่หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า ; วว.20:11-15 ข้าพเจ้าได้เห็นพระที่นั่งใหญ่สีขาว
และเห็นท่านผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น เมื่อพระองค์ทรงปรากฏแผ่นดินโลก
และท้องฟ้าก็หายไป และไม่มีที่อยู่สำหรับแผ่นดินโลก และท้องฟ้าเลย 12ข้าพเจ้าได้เห็นบรรดาผู้ที่ตายแล้ว
ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยยืนอยู่หน้าพระที่นั่งนั้น และหนังสือต่างๆ ก็เปิดออก
หนังสืออีกเล่มหนึ่งก็เปิดออกด้วย คือ หนังสือชีวิต และผู้ที่ตายไปแล้วทั้งหมด
ก็ถูกพิพากษาตามข้อความที่จารึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น และตามที่เขาได้กระทำ 13ทะเลก็ส่งคืนคนทั้งหลายที่ตายในทะเล
ความตายและแดนมรณาก็ส่งคืนคนทั้งหลายที่อยู่ในแดนนั้น และคนทั้งหลายก็ถูกพิพากษา
ตามการกระทำของตนหมดทุกคน 14แล้วความตาย และแดนมรณาก็ถูกผลักทิ้งลงไปในบึงไฟ
บึงไฟนี่แหละเป็นความตายครั้งที่สอง 15และถ้าผู้ใดไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือชีวิต
ผู้นั้นก็ถูกทิ้งลงไปในบึงไฟ นี่คือสภาพของวันพิพากษาของพระคริสต์
พวกเราอาจจะต้องทนสู้กับการทดลอง การกดขี่ข่มเหง หรือถูกฆ่า
แต่ไม่มีใครอาจทำอันตรายต่อจิตวิญญาณของพวกเราได้ ฤทธิ์เดชของพระเจ้าจะคุ้มครองความรอดของพวกเราไว้
ยน.10:28-29 เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้น แกะนั้นจะไม่พินาศเลย
และจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้น ไปจากมือของเราได้ 29พระบิดาของเราผู้ประทานแกะนั้น
ให้แก่เราเป็นใหญ่กว่าทุกสิ่ง และไม่มีผู้ใดอาจชิงแกะนั้น
ไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของเราได้ องค์พระเยซูคริสต์สัญญาว่าจะไม่ละทิ้งพวกเราซึ่งเป็นลูกแกะของพระองค์
กุญแจสำคัญ คือ ต้องมีคือ “ความเชื่อ” ความรอดอันยิ่งใหญ่ กับพระพรต่างๆก็จะมาพร้อมกับความเชื่อนี้
มั่นใจเถอะว่าพวกเราจะต้องได้รับรางวัลตามที่ทรงสัญญาไว้ในวาระสุดท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น