ยน.13:34-35
เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้า “รักซึ่งกันและกัน”
เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น
ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา
..................................
ทำไมเราถึงต้องรักซึ่งกันและกัน
ก็เพราะว่าพระเจ้ารักเรา และเลือกเราก่อน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องรักพี่น้องโดยเฉพาะ
พี่น้องคริสเตียนพี่น้องที่เกิดจากพระเจ้าความสัมพันธ์ความผูกพันเกิดขึ้นจาก
พระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งอยู่ในเราทั้งหลายแต่ละคน
“รักซึ่งกันและกัน” ความเข้มแข็งของคริสตจักร
ไม่ได้หมายความเพียงว่า เรา
แต่ละคนมีความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับพระเจ้าเท่านั้น
แต่หมายรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพี่น้องคริสตียนด้วย คริสตจักรยุคแรกนมัสการตามบ้าน
ไม่มีเสรีภาพอย่างที่เรามีอยู่เหมือนคริสเตียนยุคนี้
ที่เขาสามารถทำเช่นนั้นได้ไม่ใช่เพราะอัครทูตออกคำสั่งให้เขาทำ......เปล่าเลย
ที่เขาสามารถทำเช่นนั้นได้เพราะพระวิญญาณบริสุทธ์เร้าใจและยิ่งถูกข่มเหงถูกกดดันต่างๆ
นานาแต่เขาก็ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ คริสเตียนยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น
เพราะฉะนั้น คริสตจักรยุคแรกมักจะได้รับ การตักเตือนบ่อยๆ ว่า
- จงรักกันฉันท์พี่น้อง ส่วนการที่ให้เกียรติแก่กันและกันนั้น จงถือว่าผู้อื่นดีกว่าตัว (รม.12:10)
- เหตุฉะนั้นจงต้อนรับ กันและกัน
เช่นเดียวกับที่ พระคริสต์ได้ทรงต้อนรับท่าน เพื่อ
พระเกียรติของพระเจ้า (รม.15:7)
- ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่ทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ อย่าเอาเสรี ภาพของท่านเป็น
ช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด
(กท.5:13)
- ที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรหมดก็คือจงรักซึ่งกันและกันให้มาก
เพราะว่าความรักลบล้างความผิด
มากมายได้ (1ปต.4:8)
- ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่
รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราทั้งหลาย
เช่นนั้น
เราก็ควรจะรักซึ่งกันและกันด้วย (1ยน4:7,11)
นอกจากความรักที่มอบให้ในกลุ่มพี่น้องคริสเตียนด้วยกันแล้ว
พระเจ้ายังย้ำให้พวกเราแบ่งปันความรักให้แก่ พี่น้องอื่นๆ ที่ยังไม่เชื่อด้วย
- และขอพระเป็นเจ้า ทรงให้ท่านทั้งหลายจำเริญและบริบูรณ์ไปด้วยความรักซึ่งกันและกัน
และรักคนทั้งปวง เหมือนเรารักท่านทั้งหลายดุจกันระวังให้ดี อย่าให้คนใดทำชั่วตอบแทน
การชั่ว แต่จงหาทางทำดีเสมอต่อพวก ท่านเอง และต่อคนทั้งปวงด้วย (1ธส.3:12;5:15)
- ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน
และจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน (มธ.5:44)
ด้วยเหตุนี้ ในขณะที่คริสเตียนต้องรักทุกคน แม้แต่ศัตรูของเขาด้วย ดังนั้นในระหว่างพวกเราด้วยกัน
ก็ต้องมอบความรักให้กันและกัน อย่างเป็นพิเศษเพราะ พวกเราเป็นพี่น้องฝ่ายจิตวิญญาณด้วยกันนั้นเอง
พี่น้อง...ครับ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ นับแต่มนุษย์ล้มลงในความบาปของอาดาม
เป็นต้นมา
มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาภายใต้กฎธรรมชาตินั้น ล้วนเกิดมาในความบาป นั่นหมายความว่า
มนุษย์ล้วนแต่เต็มไปด้วยราคะตัณหาแห่งความชั่วร้าย และอารมณ์ติดมาจากครรภ์มารดา
และโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์ไม่สามารถมีความยำเกรงที่แท้จริงต่อพระเจ้า
และความเชื่อที่แท้จริงในพระองค์ ดังนั้นพวกเราจึงมีแนวโน้มที่จะกระทำความผิด
- ยก. 3:2 เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดไปหลายๆ
อย่าง ถ้าผู้ใดมิได้ทำผิดทางวาจาผู้นั้นก็เป็น
คนดีรอบคอบแล้ว
และสามารถบังคับทั้งตัวไว้ได้ด้วย
- รม. 3:23 เพราะว่า ทุกคนทำบาป
และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
พระคำทั้งสองข้อยืนยันได้ว่าเราตกอยู่ภายใต้อิทธิผลของความบาป
จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากที่จะเกิดปัญหา และความยุ่งยากขึ้นในหมู่พี่น้องคริสเตียน
ซึ่งมีบางเหตุการณ์ที่ได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์
- ฟป. 4:1-3 เหตุฉะนั้น พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า
ผู้เป็นที่รัก เป็นที่ ปรารถนา
เป็นที่ยินดีและเป็นมงกุฎของข้าพเจ้า
พวกที่รักของข้าพเจ้า จงยึดมั่นในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
ข้าพเจ้า
ขอเตือนนางยูโอเดีย และขอเตือนนางสินทิเค
ให้มีจิตใจปรองดองกันในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าขอร้องท่านผู้เป็นเพื่อนร่วมแอกแท้ๆ
ของข้าพเจ้า ให้ท่านช่วยผู้หญิงเหล่านั้น เพราะว่า
เขาได้ทำงานเพื่อข่าวประเสริฐ
เคียงข้างกับข้าพเจ้า และเคลเมนท์ รวมทั้งคนอื่นที่เป็นเพื่อน
ร่วมงานของข้าพเจ้า
ซึ่งชื่อของเขาเหล่านั้นมีอยู่ในหนังสือชีวิตแล้ว
อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น