1ปต.1:6
ในความรอดนั้นท่านทั้งหลายชื่นชมยินดี ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้
จำเป็นที่ท่านจะต้องทนทุกข์ทรมานชั่วขณะหนึ่งในการถูกทดลองต่างๆ
----------------------------------------------------------
มนุษย์ทุกคนเกิดมาเนื่องจากความบาปของอาดัม และเอวาสมควรที่จะไปบึงไฟนรก
พวกเราทั้งหลายไม่มีแม้สักคนเดียวสมควรได้รับความรอด
แต่โดยความอดกลั้นและพระกรุณาคุณของพระเจ้า พระองค์ทรงนำเราไปสู่การกลับใจบังเกิดใหม่
พระเจ้าไม่จำเป็นต้องทรงกระทำสิ่งนี้ก็ได้ แต่โดยพระเมตตาที่อ่อนโยน และความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่ทรงมีต่อเราทั้งหลาย
พระองค์จึงทรงกระทำเช่นนั้น นั่นคือ “พระคุณ” ถึงแม้เราได้ปฏิเสธการทรงเรียกของพระองค์
พระองค์ก็ยังคงแผ่ขยายพระกรุณาคุณของพระองค์ออกไปหาเราอย่างต่อเนื่อง
และอย่างอดกลั้น พระองค์ทรงชักนำเราไปสู่การบังเกิดใหม่ อ.เปโตรเป็นพยานยืนยันใน
พระคำ
1เปโตร1:3-6
เวลานั้นคือประมาณ
ค.ศ.62 คริสเตียนถูกข่มเหงรุนแรงขึ้นทุกที ทั่วมหาอาณาจักรโรมเมื่อก่อนนั้นเจ้าหน้าที่โรมคิดว่าพวกคริสเตียนเป็นเพียงนิกายหนึ่งของศาสนายิว
จึงเป็นศาสนาที่ได้รับอนุมัติแล้ว ต่อมาเมื่อมีคริสเตียนในหลายประเทศ
และคริสเตียนเหล่านั้นเป็นชาวต่างประเทศเสียเป็นส่วนมากไม่ใช่ชาวยิว
ทางโรมก็คิดสงสัยว่า พวกคริสเตียนคงถือศาสนาใหม่ซึ่งไม่เกี่ยวกับชาวยิวในปีเดียวกันที่อ.เปาโลถูกประหารชีวิตที่กรุงโรม อ.ยากอบน้องของพระเยซู
ที่เป็นคนสำคัญในคริสตจักรกรุงเยรูซาเล็ม ก็ได้ถูกประหารชีวิตที่กรุงเยรูซาเล็ม
และคนที่ฆ่าท่านนั้นคือชาวยิว ทุกคนต้องแน่ใจว่าคริสเตียนไม่ใช่ศาสนายิว
แต่เป็นศาสนานอกกฎหมาย
ส่วนคนธรรมดาเกลียดชังคริสเตียนหาว่าเป็นคนดื้อดึงนอกลู่นอกทางไม่คบค้าสมาคมกับใครนอกจากพวกของเขาเอง เพราะคริสเตียนไม่ยอมกราบไหว้รูปเคารพ
ไม่ยอมร่วมในพิธีของศาสนาประจำชาติ จึงโดนการข่มเหงอย่างรุนแรงที่สุด ถูกขโมยของ
ถูกแกล้งเผาบ้าน ถูกไล่ออกจากงานถูกเฆี่ยน ถูกจำคุก ถูกตัดหัว ถูกตรึงบนไม้กางเขน
ถูกโยนให้สัตว์ร้ายกิน ฯลฯ จอมจักรพรรดิเนโรส่งเสริมการข่มเหงและเมื่อกรุงโรมถูกไฟไหม้สมัย
ค.ศ.64 เนโรก็กล่าวโทษคริสเตียน คริสเตียนจึงถูกเคี่ยวเข็ญหนักขึ้น นี่เป็นสภาพการณ์ทั่วโลก เมื่อท่านอ.เปโตรเขียนจดหมายเปโตรฉบับแรก
ท่านเขียนเพื่อจะสอนพวกคริสเตียนให้มีกำลังใจไว้ ท่านสอนเรื่องความหวังใจอันแน่นอน
และมรดกอันถาวรซึ่งคริสเตียนมีในพระคริสต์
เป็นเหตุให้อดทนต่อการข่มเหงและความทุกข์ยาก โดยไม่ล้มหรือย่อท้อ
1ปต.1:3-6 สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
ผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เราทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่
เข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่ โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ 4และเพื่อให้ได้รับมรดก
ซึ่งไม่รู้เปื่อยเน่า ปราศจากมลทิน
และไม่ร่วงโรยซึ่งได้เตรียมไว้ในสวรรค์เพื่อท่านทั้งหลาย 5ซึ่งเป็นผู้ที่ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ทรงคุ้มครองไว้ด้วยความเชื่อให้ถึงความรอด
ซึ่งพร้อมแล้วที่จะปรากฏในวาระสุดท้าย 6ในความรอดนั้นท่านทั้งหลายชื่นชมยินดี
ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ จำเป็นที่ท่านจะต้องทนทุกข์ทรมานชั่วขณะหนึ่งในการถูกทดลองต่างๆ
พระคำ
1ปต.1:3สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเราผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เราทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่
เข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่ โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ถ้อยคำของอ.เปโตรที่มอบให้ทั้งความชื่นชมยินดีและความหวังในความยากลำบาก
และท่านมีความเชื่อมั่นเช่นนั้นเพราะได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำ
เพื่อพวกเราในพระเยซูคริสต์ พวกเราให้ได้รับการทรงเรียกให้มีความหวังอันยืนยงว่า “มีชีวิตนิรันดร์”
ความหวังของพวกเราไม่ใช่เพียงเพื่ออนาคต ชีวิตนิรันด์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเมื่อเราวางใจในพระคริสต์
และร่วมอยู่ในครอบครัวของพระเจ้า
คำว่า
“บังเกิดใหม่” เป็นการพูดถึงการเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณ
อันเป็นการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำผู้เชื่อเข้าสู่ครอบครัวของพระเจ้า ยน.3:3 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า
"เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ {หรือ จากเบื้องบน} ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้" , 1;12-13 แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์
พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า ซึ่งในฐานะนั้นเป็นผู้ที่มิได้เกิดจากเลือดเนื้อ
หรือกาม หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า ; 1ยน.5:1ผู้ใดเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์
ผู้นั้นก็เกิดจากพระเจ้า และผู้ใดรักพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิด
ผู้นั้นก็รักคนที่เกิดจากพระองค์ด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำให้คนบาปที่เชื่อในพระองค์แล้ว ให้มีธรรมชาติหรือสภาวะใหม่
โดยผ่านทางการบังเกิดครั้งที่สอง
พวกเราทุกคนมีธรรมชาติเก่า
รม.3:10-18 ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่าไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย 11ไม่มีคนที่เข้าใจ
ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า 12เขาทุกคนหลงผิดไปหมด เขาทั้งปวงเลวทรามเหมือนกันสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่กระทำดี ไม่มีเลย 13ลำคอของเขา คือ หลุมฝังศพที่เปิดอยู่ เขาใช้ลิ้นของเขาในการล่อลวง พิษงูร้ายอยู่ใต้ริมฝีปากของเขา 14ปากของเขาเต็มไปด้วยคำแช่งด่า และคำเผ็ดร้อน 15เท้าของเขาว่องไวในการทำให้นองเลือด 16ในทางเดินของเขามีความพินาศ และความทุกข์ 17และเขาไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข18เขาไม่เคยคิดที่จะยำเกรงพระเจ้าเลย พระคำที่พระเจ้าตรัสผ่านอ.เปาโลนั้นบรรยายถึงความเสื่อมโทรมของมนุษย์
มนุษย์ทุกคนไม่ได้เป็นคนชอบธรรม ไม่เข้าใจพระเจ้า ไม่ได้แสวงหาพระองค์
และหลงหายไปจากพระองค์ พวกเขาเลวทรามไม่มีคนเดียวกระทำดี
ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่สถิตอยู่ด้วย
มนุษย์ก็ไม่สามารถออกผลฝ่ายวิญญาณ
พวกเขาไม่มีความสามารถฝ่ายวิญญาณที่จะทำให้พวกเขา
สามารถสำแดงความเมตตาต่อคนอื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติความบาปทำให้พวกเขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว
และสนใจแต่เรื่องของตนเอง อ.เปาโลย้ำว่า (ข้อ10)ไม่มีมนุษย์สักคนเดียวที่เป็นคนดี
สำหรับพระคำหกข้อ(ข้อ13-18)นั้นได้อธิบายถึงความชั่วร้ายของมนุษย์โดยพูดถึงส่วนต่างๆ
ของร่างกาย เพื่อเล็งให้เห็นว่าทุกส่วนของร่างกายมีส่วนทำให้มนุษย์สมควรถูกพิพากษา ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับการพูด,ความประพฤติ
และการมอง คำพูดของพวกเขาชั่วร้ายไม่สัตย์ซื่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย
และหมิ่นประมาทจากการพูดไม่ดี พวกเขาก็ทำบาป และกระทำเรื่อยไปจนถึงจุดที่ก่อฆาตกรรม
ผลที่ตามมาคือพวกเขา และคนอื่นก็พบกับความเสียหายทั้งฝ่ายกายและฝ่ายวิญญาณ
และไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข อ.เปาโลสรุปว่าพวกเขาไม่เคยคิดที่จะยำเกรงพระเจ้า
ซึ่งสำนึกแบบนี้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของคนที่รักพระเจ้า ด้วยเหตุผลเหล่านี้การบังเกิดใหม่จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
หากมนุษย์ยังขัดขืน และดำเนินอยู่ในธรรมชาติของชีวิตเก่า พวกเขาทุกคนจะเป็นดังนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น