สดด.50:15
“...จงร้องทูลเราใน วันทุกข์ยากลำบาก เราจะช่วยกู้เจ้า..."
.................................
หลังจากเดินทางออกมาจากอียิปต์แล้ว
ความเป็นจริงของชีวิตในทะเลทรายก็เผชิญหน้ากับอิสราเอล
พวกเขาพบกับความยุ่งยากต่างๆ นานาระหว่างทางไปยังแผ่นดินที่ทรงสัญญาไว้
แม้กระนั้นพระเจ้าก็ยังทรงเลี้ยงดู และทรงช่วยให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก เหตุการณ์ใน อพย.16:11-31 เป็นภาพการสำแดงของพระเจ้าเพื่อช่วยเหลือชนชาติอิสราเอล
ข้อ 11-12
พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "เราได้ยินคำบ่นของชนชาติอิสราเอลแล้ว จงกล่าวแก่เขาว่า 'ในเวลาโพล้เพล้ พวกเจ้าจะได้กินเนื้อ ทั้งในเวลาเช้า
เจ้าจะได้อาหารกินจนอิ่ม แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระเจ้าของพวกเจ้า'"
“คำบ่น” การบ่นเป็นอาการของการพูดชนิดหนึ่ง ซึ่งอาจมีลักษณะของการพูดในระดับเสียงตั้งแต่ค่อยที่สุดเหมือนกับพึมพำคนเดียวจนถึงระดับเสียงที่ดังฟังชัดเจนแล้วแต่อารมณ์และเจตนาของผู้บ่น
การบ่นนั้นเป็นการพูดที่ดูเหมือนจะไม่ต้องมีการฝึกหัด
หรือเรียนรู้อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ
เมื่อคนมีประสบการณ์มากขึ้น ได้รับรู้สิ่งต่าง ๆ มากขึ้น และต้องรับผิดชอบเรื่อง ๆ
มากขึ้น คนก็จะทำพฤติกรรมการบ่นได้เก่งขึ้นเองเป็นเงาตามตัว การบ่นเป็นคำที่มีความหมายในเชิงลบ จึงไม่มีใครต้องการที่จะมีความเก่งกาจในด้านการบ่น
ชนชาติอิสราเอลเผชิญหน้ากับความเป็นจริงของชีวิตในทะเลทราย
พวกเขาเริ่มบ่นต่อการดำเนินชีวิตแบบนั้น พวกเขาเผชิญต่อความขาดแคลน และความไม่สะดวกสบาย
อิสราเอลบ่นอย่างข่มขื่นและอยากกลับไปอียิปต์
แต่พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้แก่พวกเขาแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้นำไปสู่ความตรึงเครียด
การบ่นเป็นเรื่องธรรมดา พวกเขาไม่ต้องการกลับไปอียิปต์จริงๆ
เพียงแต่ต้องการชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น ความเครียดทำให้ขาดความวางใจในพระเจ้าจึงแสดงอาการแบบนั้นออกมา
เมื่อพวกเราเครียดจงอย่าหลงกลลวงให้หนีปัญหาโดยเร็วด้วยการบ่น
แต่จงจดจ่อที่ฤทธิ์อำนาจและสติปัญญาของพระเจ้าที่จะช่วยจัดการกับสาเหตุของความเครียด
ด้วยพระเจ้าสถิตอยู่กับอิสราเอลพระองค์จึงตรัสกับโมเสส ว่าพระองค์ได้ยินเสียงบ่นของพวกเขา
แล้วพระองค์ทรงบอกพวกเขา ว่า “ในเวลาเย็นจะได้รับประทานเนื้อ
ในเวลาเช้าพวกเขาก็จะอิ่มด้วยอาหาร” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลี้ยงดูพวกเขา เพื่อสำแดงให้พวกเขารู้ว่า
พระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเขา
1คร.10:10 อย่าให้เราบ่นเหมือนอย่างที่บางคนในพวกเขาได้บ่น
แล้วก็ต้องพินาศด้วยองค์เพชฌฆาต และ ฟป.2:14 จงทำสิ่งสารพัดโดยปราศจากการบ่นและการทุ่มเถียงกัน พระคำเตือน เรื่อง “บ่น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสผ่านอ.เปาโล
ให้เตือนสติเรื่องการบ่นแก่คริสเตียนเมืองโครินทร์
โดยยกเหตุการณ์ในพระคัมภีร์เดิมน่าจะเป็นเรื่องการกบฏของโคราห์ ดาธาร และอาบีรัน
ในกันดารวิถีบทที่16 ในครั้งนั้นการบ่นเป็นการกบฏอย่างซึ่งๆ
หน้าต่อผู้นำที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งไว้ การลงโทษของพระเจ้าต่อโคราห์และคนเหล่านั้นที่กบฏร่วมกับเขารุนแรงมาก
อ.เปาโลสื่ออย่างชัดเจนตรงใจบางคนที่มักกบฏ ในคริสตจักรเมืองโครินธ์ เหตุที่การบ่นว่าและทะเลาะเบาะแว้งเป็นอันตรายต่อคริสตจักรมาก
เพราะถ้าคนอื่นรู้ว่าในคริสตจักรสมาชิกทะเลาะเบาะแว้งกัน บ่นว่ากัน และนินทาว่าร้ายกันตลอดเวลา
สิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขาเข้าใจเรื่อง ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ในทางที่ผิด
ความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าควรจะทำให้ผู้ที่วางใจในพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกัน
“พระเจ้าของพวกเจ้า”
สดุดีบทที่ 50 บรรยายถึงภาพของ พระเจ้าผู้ทรงครอบครองไว้ได้ชัดเจนมาก โดยสาระส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องราวของพระเจ้า
ผู้ทรงครอบครองอยู่เหนืออิสราเอลและเหนือประชาชาติทั้งหลาย เพราะสิทธิอำนาจ
ฤทธานุภาพ ความบริสุทธิ์และเที่ยงธรรมของพระองค์นั้นเอง
พระองค์จะทรงอวยพระพรแก่คนชอบธรรม และจะทรงทำลายคนอธรรมเสีย หากดำเนินชีวิตเพียงแต่ท่องบทบัญญัติของพระเจ้า
และแสดงความเชื่อต่อพระเจ้าแห่งพันธสัญญาเพียงแค่คำพูดเท่านั้น
ไม่ได้ดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับบทบัญญัติและพันธสัญญา ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะ
พระเจ้าจะทรงรับการสรรเสริญ นมัสการ และคำอธิษฐานก็ต่อเมื่อพวกเราดำเนินชีวิต ด้วยการเชื่อฟังองค์พระองค์เท่านั้น
ฟป.2:15-16เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่ถูกติเตียน
และไม่มีความผิด เป็น บุตรที่ปราศจากตำหนิของพระเจ้า ในท่ามกลาง
พงศ์พันธุ์ที่คดโกงและวิปลาส ท่านปรากฏในหมู่พวกเขาดุจดวงสว่างต่างๆในโลก 16จงยึดมั่นในพระวาทะแห่งชีวิต
เพื่อข้าพเจ้าจะมีที่อวดในวันของพระคริสต์ว่า
ข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งเปล่าๆและไม่ได้ทำงานโดยเปล่าประโยชน์ “ท่านปรากฏในหมู่พวกเขาดุจดวงสว่างต่างๆในโลก”
ชีวิตของคริสเตียนควรสำแดงลักษณะ ที่
มีความบริสุทธิ์ทางศีลธรรม มีความอดทน และมีความสงบสุข เพื่อพวกเขาจะ
ส่องสว่างดั่งดวงดาวในโลกที่มืดมน และเสื่อมทราม .....คุณกำลังส่องสว่างสดใสดีอยู่หรื๊อ?.......
อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/