“โกรธก็โกรธเถิด
แต่อย่าทำบาป”
ความโกรธเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง
เช่นเดียวกับความเหงา
ความเศร้าเสียใจ
และความตื่นเต้น
จึงไม่เป็นเรื่องแปลกถ้าพวกเรารู้สึกโกรธ
เพราะมันเป็นกิริยาตอบสนองตามปกติของมนุษย์ทั่วไป
บางครั้งความโกรธอาจจะเกิดจากความกลัวหรือความเจ็บปวด พวกเราอาจจะโกรธตัวเองที่หาเรื่องยุ่งยากมาสู่ตนเอง
หรือโกรธคนรอบข้างที่ทำร้ายพวกเรา หรือทำให้พวกเราผิดหวัง
อฟ.4:26-27จะโกรธก็โกรธได้
แต่อย่าทำบาป
อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่ 27และอย่าให้โอกาสแก่มาร
ร่างกายของพวกเราคือพระวิหาร
นี่เป็นเวลาที่พวกเราจะขจัดความโกรธออกไปจากวิหาร
ก่อนที่ภายในวิหารซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้าจะถูกทำลาย
อาจเป็นไปได้ที่โกรธจนควบคุมไม่ได้
หรือโกรธฝังใจ
แล้วจะเป็นอย่างไรกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ประทับภายใน จงปล่อยมันไป อย่าเก็บมันไว้
ก่อนที่จะเริ่มต้นวันใหม่ พวกเราต้องไม่ยอมให้โอกาสแก่มาร
มารจะไม่สามารถแย่งชิงที่ประทับของพระเจ้าได้เลย
หากพวกเราสะสมความโกรธไว้พระวิญญาณบริสุทธิ์พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวจะสามารถประทับอยู่ในพวกเราได้อย่างไร
เมื่อความโกรธนั้นได้นำไปสู่การทำบาปและเมื่อพระวิญญาณพรากจากไปแล้ว
พระวิหารนี้ก็เปิดช่องว่างให้มาร
พระคำจึงย้ำเตือนว่าอย่าเปิดโอกาสให้แก่มารซาตาน รม.12:17-19
อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่ผู้หนึ่งผู้ใดเลย
แต่จงมุ่งกระทำสิ่งที่ใครๆ
ก็เห็นว่าดี
18ถ้าเป็นได้
คือเรื่องที่ขึ้นอยู่กับท่าน
จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน
19ดูก่อน
ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า
อย่าทำการแก้แค้น
แต่จงมอบการนั้นไว้
แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงพระอาชญา
เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
การแก้แค้นเป็นของเรา
เราเองจะตอบสนอง
หลายครั้งที่ความโกรธนำมาซึ่งความแค้นและตามมาด้วยการแก้แค้น
หยุดสักนิดคิดสักหน่อยว่าเราแก้แค้นเพื่อให้เกิดความยุติธรรมได้หรือไม่
ความจริงก็คือ
การแก้แค้นไม่เคยช่วยให้ใครรู้สึกดีขึ้น
และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เลวร้ายให้ดีขึ้นได้
สิ่งที่พวกเราควรทำคือ
พยายามให้อภัย และทำใจให้สบาย
ด้วยการไม่ยอมเป็นทาสของอารมณ์โกรธหรือเกลียดชัง
ซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกต้องการแก้แค้น
ต้องไว้วางใจพระเจ้าพระองค์มีแผนการสำหรับคนพวกนี้อยู่แล้ว
รม.12:20-21
อย่าแก้แค้นเลย
ถ้าศัตรูของท่านหิว
จงให้อาหารเขารับประทาน
ถ้าเขากระหายน้ำก็จงให้น้ำเขาดื่ม
เพราะว่าการทำอย่างนั้น
เป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา 21อย่าให้ความชั่วชนะเราได้
แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี
อภัย
และถวายความภัคดีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า หากพวกราไม่ยอมให้อภัย
ก็หมายความว่า ผู้ที่ทำร้ายพวกเรายังคงมีอำนาจเหนือพวกเราอยู่ และจะยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเดิม
กษัตริย์ดาวิดเลือกที่จะวางใจต่อพระเจ้า
แทนที่จะต่อต้านพวกศัตรู
พระองค์มุ่งถวายเครื่องบูชาอย่างถูกต้องตามพระบัญญัติของพระเจ้า
ด้วยท่าทีที่ถูกต้องใช่หน้าไหว้หลังหลอก มลค.1:7-10 ก็โดยนำอาหารมลทินมาถวายบนแท่นของเราอย่างไรล่ะ
แล้วท่านว่า 'ข้าพระองค์ทั้งหลายกระทำให้มันเป็นมลทินสถานใด' ก็โดยคิดว่าโต๊ะของพระเจ้านั้นเป็นที่ดูหมิ่นอย่างไรล่ะ 8เมื่อเจ้านำสัตว์ตาบอดมาเป็นสัตวบูชา
กระทำเช่นนั้นไม่ชั่วหรือ และเมื่อเจ้าถวายสัตว์ที่พิการหรือป่วย
กระทำเช่นนั้นไม่ชั่วหรือ พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า
จงนำของอย่างนั้นไปกำนัลเจ้าเมืองของเจ้าดู เขาจะพอใจเจ้าหรือ
จะแสดงความชอบพอต่อเจ้าไหม 9ลองอ้อนวอนขอความชอบต่อพระเจ้า
เพื่อพระองค์จะทรงพระกรุณาต่อพวกเราดูซี ด้วยของถวายดังกล่าวมานี้จากมือของเจ้า
พระองค์จะทรงชอบพอเจ้าสักคนหนึ่งหรือ พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ 10โอ
อยากให้มีสักคนหนึ่งในพวกเจ้าซึ่งจะปิดประตูเสีย
เพื่อว่าเจ้าจะไม่ก่อไฟบนแท่นบูชาของเราเสียเปล่า พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า
เราไม่พอใจเจ้าและเราจะไม่รับเครื่องบูชาจากมือของเจ้า ภายใต้พันธสัญญาใหม่นั้น วว.8:3-4 และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งถือกระถางไฟทองคำออกมายืนอยู่ที่แท่น
พระเจ้าได้ทรงประทานเครื่องหอมเป็นอันมากแก่ทูตองค์นั้น
เพื่อให้ถวายร่วมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งปวงบนแท่นทองคำ
ที่อยู่หน้าพระที่นั่งนั้น 4และควันเครื่องหอมนั้นก็ลอยขึ้นไปพร้อมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งหลาย
จากมือทูตสวรรค์สู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า ถ้อยคำอธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้าเปรียบเป็นเครื่องถวายบูชาที่ดีที่สุด
อธิษฐานด้วยการ ถ่อมใจ จริงใจ และสัตย์ซื่อ ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
สดด.4:6-8 มีคนเป็นอันมากกล่าวว่า
"โอ
เราอยากเห็นสิ่งดีๆ
บ้าง ข้าแต่พระเจ้า
ขอทรงเงยพระพักตร์ที่สว่างของพระองค์มาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย" 7พระองค์ได้ประทานความชื่นบานให้แก่จิตใจของข้าพระองค์มากกว่าเมื่อได้ข้าวและน้ำองุ่นมากมาย8ข้าพระองค์จะเอนกายลงนอนหลับในความสันติ
ข้าแต่พระเจ้า
เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย
“พระพักตร์ที่สว่างของพระองค์มาเหนือข้าพระองค์”
หมายถึง ความพอพระทัยของพระเจ้า
กษัตริย์ดาวิดได้ขอให้พระเจ้าที่จะสำแดงสิ่งที่ดีแก่พวกเขาโดยการอวยพรพวกเขา
การทำให้พระพักตร์ของพระเจ้าทอแสงมายังประชากรของพระองค์ เป็นการเปรียบเทียบถึงการให้ความโปรดปรานของพระเจ้า
และทรงสถิตอยู่กับพวกเขา “เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย”
พวกเราต้องวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับกษัตริย์ดาวิดชีวิตพวกเราก็จะพบกับสันติสุข
แม้จะดำเนินชีวิตท่ามกลางอุปสรรคขอให้เรามุ่งมั่นในการรับใช้พระเจ้าต่อไปด้วยความเชื่อมั่น
นอกจากนั้นขอให้พวกเราอธิษฐานด้วยความเชื่อ
และเมื่อพวกเรากระทำอย่างนั้นสามารถเผชิญอนาคตด้วยความมั่นใจ
และสันติสุขของพระเจ้าจะอยู่เหนือพวกเราดังนั้น จงวางใจในพระเจ้า...เถอะ
อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น