วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

วางใจในพระเจ้าเสมอ (ตอนสุดท้าย)

โกรธก็โกรธเถิด แต่อย่าทำบาปความโกรธเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับความเหงา ความเศร้าเสียใจ และความตื่นเต้น จึงไม่เป็นเรื่องแปลกถ้าพวกเรารู้สึกโกรธ เพราะมันเป็นกิริยาตอบสนองตามปกติของมนุษย์ทั่วไป บางครั้งความโกรธอาจจะเกิดจากความกลัวหรือความเจ็บปวด    พวกเราอาจจะโกรธตัวเองที่หาเรื่องยุ่งยากมาสู่ตนเอง หรือโกรธคนรอบข้างที่ทำร้ายพวกเรา หรือทำให้พวกเราผิดหวัง อฟ.4:26-27จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่ 27และอย่าให้โอกาสแก่มาร ร่างกายของพวกเราคือพระวิหาร นี่เป็นเวลาที่พวกเราจะขจัดความโกรธออกไปจากวิหาร ก่อนที่ภายในวิหารซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้าจะถูกทำลาย อาจเป็นไปได้ที่โกรธจนควบคุมไม่ได้ หรือโกรธฝังใจ แล้วจะเป็นอย่างไรกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ประทับภายใน จงปล่อยมันไป อย่าเก็บมันไว้ ก่อนที่จะเริ่มต้นวันใหม่ พวกเราต้องไม่ยอมให้โอกาสแก่มาร มารจะไม่สามารถแย่งชิงที่ประทับของพระเจ้าได้เลย
            หากพวกเราสะสมความโกรธไว้พระวิญญาณบริสุทธิ์พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวจะสามารถประทับอยู่ในพวกเราได้อย่างไร เมื่อความโกรธนั้นได้นำไปสู่การทำบาปและเมื่อพระวิญญาณพรากจากไปแล้ว พระวิหารนี้ก็เปิดช่องว่างให้มาร พระคำจึงย้ำเตือนว่าอย่าเปิดโอกาสให้แก่มารซาตาน รม.12:17-19 อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่ผู้หนึ่งผู้ใดเลย แต่จงมุ่งกระทำสิ่งที่ใครๆ ก็เห็นว่าดี 18ถ้าเป็นได้ คือเรื่องที่ขึ้นอยู่กับท่าน จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน 19ดูก่อน ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าทำการแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงพระอาชญา เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบสนอง หลายครั้งที่ความโกรธนำมาซึ่งความแค้นและตามมาด้วยการแก้แค้น หยุดสักนิดคิดสักหน่อยว่าเราแก้แค้นเพื่อให้เกิดความยุติธรรมได้หรือไม่ ความจริงก็คือ การแก้แค้นไม่เคยช่วยให้ใครรู้สึกดีขึ้น และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เลวร้ายให้ดีขึ้นได้ สิ่งที่พวกเราควรทำคือ พยายามให้อภัย และทำใจให้สบาย ด้วยการไม่ยอมเป็นทาสของอารมณ์โกรธหรือเกลียดชัง ซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกต้องการแก้แค้น ต้องไว้วางใจพระเจ้าพระองค์มีแผนการสำหรับคนพวกนี้อยู่แล้ว  รม.12:20-21 อย่าแก้แค้นเลย ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหายน้ำก็จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำอย่างนั้น เป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา 21อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี อภัย และถวายความภัคดีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า หากพวกราไม่ยอมให้อภัย ก็หมายความว่า ผู้ที่ทำร้ายพวกเรายังคงมีอำนาจเหนือพวกเราอยู่ และจะยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเดิม กษัตริย์ดาวิดเลือกที่จะวางใจต่อพระเจ้า แทนที่จะต่อต้านพวกศัตรู พระองค์มุ่งถวายเครื่องบูชาอย่างถูกต้องตามพระบัญญัติของพระเจ้า ด้วยท่าทีที่ถูกต้องช่หน้าไหว้หลังหลอก มลค.1:7-10 ก็โดยนำอาหารมลทินมาถวายบนแท่นของเราอย่างไรล่ะ แล้วท่านว่า 'ข้าพระองค์ทั้งหลายกระทำให้มันเป็นมลทินสถานใด' ก็โดยคิดว่าโต๊ะของพระเจ้านั้นเป็นที่ดูหมิ่นอย่างไรล่ะ 8เมื่อเจ้านำสัตว์ตาบอดมาเป็นสัตวบูชา กระทำเช่นนั้นไม่ชั่วหรือ และเมื่อเจ้าถวายสัตว์ที่พิการหรือป่วย กระทำเช่นนั้นไม่ชั่วหรือ พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จงนำของอย่างนั้นไปกำนัลเจ้าเมืองของเจ้าดู เขาจะพอใจเจ้าหรือ จะแสดงความชอบพอต่อเจ้าไหม 9ลองอ้อนวอนขอความชอบต่อพระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงพระกรุณาต่อพวกเราดูซี ด้วยของถวายดังกล่าวมานี้จากมือของเจ้า พระองค์จะทรงชอบพอเจ้าสักคนหนึ่งหรือ พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ 10โอ อยากให้มีสักคนหนึ่งในพวกเจ้าซึ่งจะปิดประตูเสีย เพื่อว่าเจ้าจะไม่ก่อไฟบนแท่นบูชาของเราเสียเปล่า พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า เราไม่พอใจเจ้าและเราจะไม่รับเครื่องบูชาจากมือของเจ้า ภายใต้พันธสัญญาใหม่นั้น วว.8:3-4 และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งถือกระถางไฟทองคำออกมายืนอยู่ที่แท่น พระเจ้าได้ทรงประทานเครื่องหอมเป็นอันมากแก่ทูตองค์นั้น เพื่อให้ถวายร่วมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งปวงบนแท่นทองคำ ที่อยู่หน้าพระที่นั่งนั้น 4และควันเครื่องหอมนั้นก็ลอยขึ้นไปพร้อมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งหลาย จากมือทูตสวรรค์สู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า ถ้อยคำอธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้าเปรียบเป็นเครื่องถวายบูชาที่ดีที่สุด อธิษฐานด้วยการ ถ่อมใจ จริงใจ และสัตย์ซื่อ ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า  
       สดด.4:6-8 มีคนเป็นอันมากกล่าวว่า "โอ เราอยากเห็นสิ่งดีๆ บ้าง ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเงยพระพักตร์ที่สว่างของพระองค์มาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย" 7พระองค์ได้ประทานความชื่นบานให้แก่จิตใจของข้าพระองค์มากกว่าเมื่อได้ข้าวและน้ำองุ่นมากมาย8ข้าพระองค์จะเอนกายลงนอนหลับในความสันติ ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย
       พระพักตร์ที่สว่างของพระองค์มาเหนือข้าพระองค์ หมายถึง ความพอพระทัยของพระเจ้า กษัตริย์ดาวิดได้ขอให้พระเจ้าที่จะสำแดงสิ่งที่ดีแก่พวกเขาโดยการอวยพรพวกเขา การทำให้พระพักตร์ของพระเจ้าทอแสงมายังประชากรของพระองค์ เป็นการเปรียบเทียบถึงการให้ความโปรดปรานของพระเจ้า และทรงสถิตอยู่กับพวกเขา  “เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย” พวกเราต้องวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับกษัตริย์ดาวิดชีวิตพวกเราก็จะพบกับสันติสุข แม้จะดำเนินชีวิตท่ามกลางอุปสรรคขอให้เรามุ่งมั่นในการรับใช้พระเจ้าต่อไปด้วยความเชื่อมั่น นอกจากนั้นขอให้พวกเราอธิษฐานด้วยความเชื่อ และเมื่อพวกเรากระทำอย่างนั้นสามารถเผชิญอนาคตด้วยความมั่นใจ และสันติสุขของพระเจ้าจะอยู่เหนือพวกเราดังนั้น จงวางใจในพระเจ้า...เถอะ     
อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น