วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

“ความสว่าง”...บอกความนัย


1ยน.1:5
นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกแก่ท่านทั้งหลาย
คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
          แสงสว่างเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง ของทั้งพระเจ้าพระบิดา    
และพระเจ้าพระเยซูคริสต์ แสงสว่างเป็นพระสิริของพระเจ้า และชี้นำไป
ยังพระองค์ว่า ทรงเป็นผู้นำความรอดมาสู่มนุษย์ สัญลักษณ์นี้ยังให้แนวคิด
แห่งความจริง และในบริบทนี้น่าจะเข้าใจว่า แสงสว่างสำแดงความชอบธรรม ความบริสุทธิ์ และความสมบูรณ์แบบของพระคริสต์ ในพระคัมภีร์ยังมีอีกหลายข้อความที่บันทึกเกี่ยวกับสัญลักษณ์ อาทิเช่น
                   สดด.27:1 พระเจ้าทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้าข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใดเล่า พระเจ้าทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งแห่งชีวิตข้าพเจ้าข้าพเจ้าจะต้องเกรงใคร
                   สดด.36:9 เพราะธารน้ำพุแห่งชีวิตอยู่กับพระองค์ เราเห็นความสว่างโดยสว่างของพระองค์
                   มธ.4:16 ประชาชนผู้นั่งอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ และ   ผู้ที่นั่งอยู่ในแดนและเงาแห่งความตาย ก็มีความสว่างขึ้นส่องถึงเขาแล้ว
                   ยน.3:19 หลักการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างได้เข้ามาในโลกแล้ว แต่มนุษย์ได้รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะกิจการของเขาเลวทราม
                   ยน.8:12 อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต"
                   ยน.12:46 เราเข้ามาในโลกเป็นความสว่าง เพื่อทุกคนที่วางใจในเราจะมิได้อยู่ในความมืด
                   1ทธ.6:16 พระองค์ผู้เดียวทรงอมตะ และทรงสถิตในความสว่างที่ซึ่งไม่มีคนใดจะเข้าไปถึง ผู้ซึ่งมนุษย์ไม่เคยเห็น และจะเห็นไม่ได้ พระเกียรติ และฤทธานุภาพอันถาวรจงมีแด่พระองค์นั้น อาเมน
          อ.ยอห์น มุ่งไปที่ความสมบูรณ์แบบของพระเจ้า และพระองค์แยกออกจากความบาป พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าเทพใดๆ ของกรีก หรือโรมัน ซึ่งเทพเหล่านี้มี         ทั้งความดี และความชั่วอยู่ด้วยกัน
          จากประวัติการถือกำเนิดของเทพซูส ที่มีอยู่ว่า เทพีไกอาเทพมารดาแห่ง       ผืนดิน ได้สมรสกับเทพยูเรนัสเทพแห่งท้องฟ้า และมีบุตรกลุ่มแรกคือ เหล่าเทพ   ไททันซึ่งสร้างความภาคภูมิแก่เทพยูเรนัสมาก แต่ทว่าบุตรต่อๆมาของเทพีไกอากลับอัปลักษณ์และน่ากลัว เช่น ยักษ์ไซคลอปส์ที่มีตาข้างเดียวกลางใบหน้า และอสุรกายน่าเกลียดต่างๆ ทำให้เทพยูเรนัสพิโรธโยนบุตรเหล่านั้นลงไปขังในคุก  ทาร์ทะรัสใต้พิภพ เทพีไกอาแค้นเทพยูเรนัสมากจึงยุยงให้เหล่าเทพไททันก่อกบฏ ไม่มีเทพองค์ใดที่กล้าชิงบัลลังก์พระบิดายกเว้นเทพโครนัส และจากการช่วยเหลือจากเทพีไกอาทำให้เทพโครนัสชิงอำนาจได้สำเร็จ ทว่าเทพโครนัสไม่ได้ทำตามสัญญาที่จะปลดปล่อยอสูรผู้เป็นน้อง เทพีไกอาจึงสาปแช่งว่าบุตรที่จะเกิดมาของโครนัสจะชิงอำนาจไปเหมือนกับที่บิดาเคยทำเทพโครนัสตระหนักมากเพราะหลังจากนั้นไม่นาน เทพีรีอา พระชายาก็ตั้งครรภ์ เมื่อได้ข่าวการประสูติ เทพโครนัสจึงบุกเข้าไปในตำหนักพระชายาและจับทารกผู้เป็นสายเลือดของตนกลืนลงท้องไป และครรภ์ต่อๆมาของเทพีรีอาก็เช่นกัน ส่งผลให้เทพีรีอาเศร้าเสียใจอย่างมาก       โครนัสให้กำเนิดบุตรและธิดารวมหกองค์ คือ เฮสเทีย เฮดีส ดีมิเตอร์                 โพไซดอน เฮรา   ซูส ซึ่งพอกำเนิดมาได้ถูกโครนัสจับกลืนลงท้องไปแต่เนื่องด้วย    ซูสหนีออกมาได้ จึงรอให้ตัวเองโตแล้วกลับมาช่วยอีก 6 องค์ในภายหลัง เนื่องจาก เฮสเทียเฮดีส ดีมิเตอร์ โพไซดอน และเฮรา เป็นเทพจึงไม่ตายตอนอยู่ในท้องของ    โครนัส
          เทพของกรีก หรือโรมัน มีความประพฤติเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไปซึ่งต่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงเป็น องค์บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธ์ บริสุทธิ์ในความชอบธรรม พระองค์ทรงอยู่ตรงข้ามกับความบาป ซึ่งเป็นความมืดที่อยู่คนละข้างกับความสว่าง ในฐานะที่พวกเราทั้งหลายมีบาปกำเนิดทุกเพศทุกวัย เป็นส่วนของความมืดมากกว่าความสว่าง ในเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นความสว่าง และพวกเราต่างอยู่ในความมืด ความแตกต่างระหว่างพวกเรากับพระเจ้านั้นห่างไกลกันอย่างยิ่ง
          โดยธรรมชาติจิตใจของมนุษย์มีความบาปเจือปนอยู่  พวกเราจะทำอย่างไรเพื่อให้ใจของพวกเราบริสุทธิ์ “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” (1ยน.1:9) องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสอนไว้ว่า แม้ว่าพวกเราจะเป็นคนบาปพวกเราก็จะมีโอกาสกลับใจใหม่ได้  ในการนี้จะสำเร็จได้ด้วยการทำบุญ หรือการให้ทานไม่ได้ แต่จะสำเร็จได้ด้วยความเชื่อในพระโลหิตขององค์พระเยซูคริสต์ ที่ชำระความผิดบาปของเราบนไม้กางเขน ใจบาปของพวกเราได้ถูกชำระด้วยพระโลหิตของพระองค์แล้ว
          พระเยซูคริสต์ตรัสสอน สาวก และรวมถึงพวกเราด้วยว่า  "จงเชื่อในพระเจ้าเถิด” (มก.11:22เพราะว่าสิ่งซึ่งธรรมบัญญัติทำไม่ได้ เพราะเนื้อหนังทำให้อ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าได้ทรงกระทำแล้ว โดยพระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาป และเพื่อไถ่บาป {หรือ เป็นเครื่องบูชาไถ่คนจากบาป} พระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงปรับโทษบาป (รม. 8:3) แม้ว่าพวกเราจะเคร่งครัดตามพระบัญญัติสักเพียงใด พวกเราก็ยังเป็นคนบาปอยู่นั้นเอง เพราะว่าพวกเรามีบาปกำเนิดติดตัวมาทุกคน และพวกเราจะทำให้ใจกลับสะอาดอีกก็ไม่ได้ มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นที่พวกเราจะสามารถถอนรากแห่งความผิดบาป ออกจากใจของเราได้ ทางนั้นคือ “ทางพระเยซูคริสต์” พระองค์ได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนได้ถูกลงโทษ และได้ทนทุกข์ทรมานแทนตัวเรา
           “เพราะว่าคนเป็นอันมากเป็นคนบาป เพราะคนคนเดียวที่มิได้เชื่อฟังฉันใด คนเป็นอันมากก็เป็นคนชอบธรรม เพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังฉันนั้น(รม.5:19) ความผิดของ อาดัมและเอวา บรรพบุรุษรุ่นแรกของเราไม่เชื่อฟังคำของพระเจ้า บาปจึงเกิดขึ้นในโลก พวกเราทุกคนจึงเป็นคนบาป แต่พระเยซูคริสต์ทรงเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าครบถ้วนทุกประการ และทรงเต็มพระทัยยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อไถ่พวกเราให้พ้นจากความผิดบาป พวกเราจึงกลายเป็นคนชอบธรรม และรอดพ้นจากความผิดบาป พระเยซูคริสต์ไม่เคยมีบาป แต่ก็ยังทรงเต็มพระทัยยอมรับความผิดบาปของพวกเราทั้งหลายไว้กับพระองค์ และทรงเต็มพระทัยที่จะทนทุกข์ทรมานแทนเรา...องค์พระเยซูคริสต์ผู้เลี้ยงแกะที่ดี###





เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อม
สละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ

(ยน.10:11) 


อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น