1ยน.1:5
นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกแก่ท่านทั้งหลาย
คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
แสงสว่างเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง
ของทั้งพระเจ้าพระบิดา
และพระเจ้าพระเยซูคริสต์ แสงสว่างเป็นพระสิริของพระเจ้า
และชี้นำไป
ยังพระองค์ว่า ทรงเป็นผู้นำความรอดมาสู่มนุษย์
สัญลักษณ์นี้ยังให้แนวคิด
แห่งความจริง และในบริบทนี้น่าจะเข้าใจว่า
แสงสว่างสำแดงความชอบธรรม ความบริสุทธิ์ และความสมบูรณ์แบบของพระคริสต์ ในพระคัมภีร์ยังมีอีกหลายข้อความที่บันทึกเกี่ยวกับสัญลักษณ์
อาทิเช่น
สดด.27:1 พระเจ้าทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้าข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใดเล่า
พระเจ้าทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งแห่งชีวิตข้าพเจ้าข้าพเจ้าจะต้องเกรงใคร
สดด.36:9 เพราะธารน้ำพุแห่งชีวิตอยู่กับพระองค์
เราเห็นความสว่างโดยสว่างของพระองค์
มธ.4:16 ประชาชนผู้นั่งอยู่ในความมืด
ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ และ ผู้ที่นั่งอยู่ในแดนและเงาแห่งความตาย
ก็มีความสว่างขึ้นส่องถึงเขาแล้ว
ยน.3:19 หลักการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างได้เข้ามาในโลกแล้ว
แต่มนุษย์ได้รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะกิจการของเขาเลวทราม
ยน.8:12 อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า
"เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด
แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต"
ยน.12:46 เราเข้ามาในโลกเป็นความสว่าง
เพื่อทุกคนที่วางใจในเราจะมิได้อยู่ในความมืด
1ทธ.6:16 พระองค์ผู้เดียวทรงอมตะ
และทรงสถิตในความสว่างที่ซึ่งไม่มีคนใดจะเข้าไปถึง
ผู้ซึ่งมนุษย์ไม่เคยเห็น และจะเห็นไม่ได้ พระเกียรติ และฤทธานุภาพอันถาวรจงมีแด่พระองค์นั้น
อาเมน
อ.ยอห์น
มุ่งไปที่ความสมบูรณ์แบบของพระเจ้า และพระองค์แยกออกจากความบาป พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าเทพใดๆ
ของกรีก หรือโรมัน ซึ่งเทพเหล่านี้มี ทั้งความดี และความชั่วอยู่ด้วยกัน
จากประวัติการถือกำเนิดของเทพซูส ที่มีอยู่ว่า
เทพีไกอาเทพมารดาแห่ง ผืนดิน ได้สมรสกับเทพยูเรนัสเทพแห่งท้องฟ้า
และมีบุตรกลุ่มแรกคือ เหล่าเทพ ไททันซึ่งสร้างความภาคภูมิแก่เทพยูเรนัสมาก
แต่ทว่าบุตรต่อๆมาของเทพีไกอากลับอัปลักษณ์และน่ากลัว เช่น
ยักษ์ไซคลอปส์ที่มีตาข้างเดียวกลางใบหน้า และอสุรกายน่าเกลียดต่างๆ
ทำให้เทพยูเรนัสพิโรธโยนบุตรเหล่านั้นลงไปขังในคุก ทาร์ทะรัสใต้พิภพ เทพีไกอาแค้นเทพยูเรนัสมากจึงยุยงให้เหล่าเทพไททันก่อกบฏ
ไม่มีเทพองค์ใดที่กล้าชิงบัลลังก์พระบิดายกเว้นเทพโครนัส
และจากการช่วยเหลือจากเทพีไกอาทำให้เทพโครนัสชิงอำนาจได้สำเร็จ ทว่าเทพโครนัสไม่ได้ทำตามสัญญาที่จะปลดปล่อยอสูรผู้เป็นน้อง
เทพีไกอาจึงสาปแช่งว่าบุตรที่จะเกิดมาของโครนัสจะชิงอำนาจไปเหมือนกับที่บิดาเคยทำเทพโครนัสตระหนักมากเพราะหลังจากนั้นไม่นาน เทพีรีอา พระชายาก็ตั้งครรภ์ เมื่อได้ข่าวการประสูติ เทพโครนัสจึงบุกเข้าไปในตำหนักพระชายาและจับทารกผู้เป็นสายเลือดของตนกลืนลงท้องไป และครรภ์ต่อๆมาของเทพีรีอาก็เช่นกัน
ส่งผลให้เทพีรีอาเศร้าเสียใจอย่างมาก โครนัสให้กำเนิดบุตรและธิดารวมหกองค์
คือ เฮสเทีย เฮดีส ดีมิเตอร์ โพไซดอน เฮรา ซูส
ซึ่งพอกำเนิดมาได้ถูกโครนัสจับกลืนลงท้องไปแต่เนื่องด้วย ซูสหนีออกมาได้
จึงรอให้ตัวเองโตแล้วกลับมาช่วยอีก 6 องค์ในภายหลัง เนื่องจาก เฮสเทียเฮดีส ดีมิเตอร์ โพไซดอน และเฮรา
เป็นเทพจึงไม่ตายตอนอยู่ในท้องของ โครนัส
เทพของกรีก หรือโรมัน มีความประพฤติเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไปซึ่งต่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงเป็น องค์บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธ์
บริสุทธิ์ในความชอบธรรม พระองค์ทรงอยู่ตรงข้ามกับความบาป
ซึ่งเป็นความมืดที่อยู่คนละข้างกับความสว่าง ในฐานะที่พวกเราทั้งหลายมีบาปกำเนิดทุกเพศทุกวัย
เป็นส่วนของความมืดมากกว่าความสว่าง ในเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นความสว่าง
และพวกเราต่างอยู่ในความมืด ความแตกต่างระหว่างพวกเรากับพระเจ้านั้นห่างไกลกันอย่างยิ่ง
โดยธรรมชาติจิตใจของมนุษย์มีความบาปเจือปนอยู่
พวกเราจะทำอย่างไรเพื่อให้ใจของพวกเราบริสุทธิ์ “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา
พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา
และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” (1ยน.1:9) องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสอนไว้ว่า แม้ว่าพวกเราจะเป็นคนบาปพวกเราก็จะมีโอกาสกลับใจใหม่ได้ ในการนี้จะสำเร็จได้ด้วยการทำบุญ หรือการให้ทานไม่ได้
แต่จะสำเร็จได้ด้วยความเชื่อในพระโลหิตขององค์พระเยซูคริสต์ ที่ชำระความผิดบาปของเราบนไม้กางเขน
ใจบาปของพวกเราได้ถูกชำระด้วยพระโลหิตของพระองค์แล้ว
พระเยซูคริสต์ตรัสสอน
สาวก และรวมถึงพวกเราด้วยว่า "จงเชื่อในพระเจ้าเถิด”
(มก.11:22) เพราะว่าสิ่งซึ่งธรรมบัญญัติทำไม่ได้
เพราะเนื้อหนังทำให้อ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าได้ทรงกระทำแล้ว
โดยพระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาป และเพื่อไถ่บาป {หรือ เป็นเครื่องบูชาไถ่คนจากบาป} พระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงปรับโทษบาป (รม. 8:3) แม้ว่าพวกเราจะเคร่งครัดตามพระบัญญัติสักเพียงใด
พวกเราก็ยังเป็นคนบาปอยู่นั้นเอง เพราะว่าพวกเรามีบาปกำเนิดติดตัวมาทุกคน
และพวกเราจะทำให้ใจกลับสะอาดอีกก็ไม่ได้
มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นที่พวกเราจะสามารถถอนรากแห่งความผิดบาป ออกจากใจของเราได้
ทางนั้นคือ “ทางพระเยซูคริสต์” พระองค์ได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนได้ถูกลงโทษ
และได้ทนทุกข์ทรมานแทนตัวเรา
“เพราะว่าคนเป็นอันมากเป็นคนบาป
เพราะคนคนเดียวที่มิได้เชื่อฟังฉันใด คนเป็นอันมากก็เป็นคนชอบธรรม
เพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังฉันนั้น”(รม.5:19) ความผิดของ อาดัมและเอวา
บรรพบุรุษรุ่นแรกของเราไม่เชื่อฟังคำของพระเจ้า บาปจึงเกิดขึ้นในโลก
พวกเราทุกคนจึงเป็นคนบาป แต่พระเยซูคริสต์ทรงเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าครบถ้วนทุกประการ
และทรงเต็มพระทัยยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อไถ่พวกเราให้พ้นจากความผิดบาป
พวกเราจึงกลายเป็นคนชอบธรรม และรอดพ้นจากความผิดบาป พระเยซูคริสต์ไม่เคยมีบาป
แต่ก็ยังทรงเต็มพระทัยยอมรับความผิดบาปของพวกเราทั้งหลายไว้กับพระองค์ และทรงเต็มพระทัยที่จะทนทุกข์ทรมานแทนเรา...องค์พระเยซูคริสต์ผู้เลี้ยงแกะที่ดี###
เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อม
สละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น