วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559

ชีวิตในความสว่าง

    “ความสว่าง” ในความหมายเชิงอุปมา คือ การบรรยายถึงธรรมชาติขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงมีพระลักษณะเปรียบได้กับความสว่าง ยน.๓:๑๙-๒๑ หลักการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างได้เข้ามาในโลกแล้ว แต่มนุษย์ได้รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะกิจการของเขาเลวทราม เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง และไม่มาถึงความสว่าง ด้วยกลัวว่าการกระทำของตนจะปรากฏ แต่ผู้ที่ประพฤติชอบก็มาสู่ความสว่าง เพื่อให้เห็นว่า การกระทำของเขานั้นได้กระทำโดยพึ่งพระเจ้า  พระคำนี้ยืนยันว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นความสว่างของมนุษย์ทั้งมวล ใน ข้อ๖ “ถ้าเราจะว่า เราร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์และยังดำเนินอยู่ในความมืด เราก็พูดมุสา และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง”
ข้อนี้ทำให้ทราบถึงบริบทของคำว่า “ความสว่าง” คำนี้เป็น เรื่องของการดำเนินชีวิต
       และยิ่งเราใคร่ครวญต่อไปใน ข้อ๘-๑๐ แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป เราก็ลวงตนเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในเราเลย ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่ได้ทำบาป ก็เท่ากับเราทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา และพระดำรัสของพระองค์ก็มิได้อยู่ในเราทั้งหลายเลย ดังนั้น ความสว่าง คำนี้ จึงแสดงถึงความดีทางจริยธรรม คือ ความจริง ความชอบธรรม และความบริสุทธิ์ ซึ่งทั้งสามสิ่งนี้ ก็เป็นพระลักษณะที่สำคัญขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเช่นกัน
       “ความมืดในพระองค์ไม่มีเลย” ดังนั้นในภาพที่กลับกันความมืดก็ย่อมแสดงถึง
ความชั่ว ความบกพร่องในด้านศีลธรรม ซึ่งในพระลักษณะขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีเลย
ชีวิตผู้เชื่อ คือ ชีวิตแห่งการร่วมสามัคคีธรรมกับองค์พระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นถ้าไม่ร่วมสามัคคีธรรมก็ ไม่ได้เป็นผู้เชื่อที่แท้ นั้นเอง บางคนอ้างว่าตนเองร่วมสามัคคีธรรม กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นการส่วนตัว การกระทำเช่นนี้เราจะพิสูจน์ด้วยการสังเกต ได้จากการดำเนินชีวิตของพวกเขา เพราะ คำว่า “ร่วมสามัคคีธรรม” หมายถึงการมีบางสิ่งบางอย่างร่วมกัน ดังนั้นพวกเขาต้องดำเนินชีวิตอยู่ในความสว่าง แต่หากพบว่าพวกเขายังดำเนินชีวิตอยู่ในความมืดอย่างเป็นปกติวิสัย คำกล่าวอ้างที่ว่าพวกเขาร่วมสามัคคีธรรม กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นการส่วนตัวนั้น ก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่จะรองรับการกระทำที่กล่าวอ้างนั้น     

อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/


#############################

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น