“ความสว่าง” ในความหมายเชิงอุปมา คือ
การบรรยายถึงธรรมชาติขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงมีพระลักษณะเปรียบได้กับความสว่าง ยน.๓:๑๙-๒๑ หลักการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างได้เข้ามาในโลกแล้ว
แต่มนุษย์ได้รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะกิจการของเขาเลวทราม เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง
และไม่มาถึงความสว่าง ด้วยกลัวว่าการกระทำของตนจะปรากฏ แต่ผู้ที่ประพฤติชอบก็มาสู่ความสว่าง
เพื่อให้เห็นว่า การกระทำของเขานั้นได้กระทำโดยพึ่งพระเจ้า พระคำนี้ยืนยันว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นความสว่างของมนุษย์ทั้งมวล
ใน ข้อ๖ “ถ้าเราจะว่า เราร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์และยังดำเนินอยู่ในความมืด
เราก็พูดมุสา และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง”
ข้อนี้ทำให้ทราบถึงบริบทของคำว่า “ความสว่าง” คำนี้เป็น
เรื่องของการดำเนินชีวิต
และยิ่งเราใคร่ครวญต่อไปใน
ข้อ๘-๑๐ แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง
เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์
ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป
เราก็ลวงตนเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในเราเลย ถ้าเราสารภาพบาปของเรา
พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา
และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่ได้ทำบาป
ก็เท่ากับเราทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา
และพระดำรัสของพระองค์ก็มิได้อยู่ในเราทั้งหลายเลย ดังนั้น ความสว่าง คำนี้
จึงแสดงถึงความดีทางจริยธรรม คือ ความจริง ความชอบธรรม และความบริสุทธิ์
ซึ่งทั้งสามสิ่งนี้ ก็เป็นพระลักษณะที่สำคัญขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเช่นกัน
“ความมืดในพระองค์ไม่มีเลย”
ดังนั้นในภาพที่กลับกันความมืดก็ย่อมแสดงถึง
ความชั่ว ความบกพร่องในด้านศีลธรรม ซึ่งในพระลักษณะขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีเลย
ชีวิตผู้เชื่อ คือ ชีวิตแห่งการร่วมสามัคคีธรรมกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
ฉะนั้นถ้าไม่ร่วมสามัคคีธรรมก็ ไม่ได้เป็นผู้เชื่อที่แท้ นั้นเอง บางคนอ้างว่าตนเองร่วมสามัคคีธรรม
กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นการส่วนตัว การกระทำเช่นนี้เราจะพิสูจน์ด้วยการสังเกต ได้จากการดำเนินชีวิตของพวกเขา
เพราะ คำว่า “ร่วมสามัคคีธรรม” หมายถึงการมีบางสิ่งบางอย่างร่วมกัน
ดังนั้นพวกเขาต้องดำเนินชีวิตอยู่ในความสว่าง แต่หากพบว่าพวกเขายังดำเนินชีวิตอยู่ในความมืดอย่างเป็นปกติวิสัย
คำกล่าวอ้างที่ว่าพวกเขาร่วมสามัคคีธรรม กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นการส่วนตัวนั้น
ก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่จะรองรับการกระทำที่กล่าวอ้างนั้น
อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/
#############################
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น