สดด.4:3
จงทราบเถิดว่า พระเจ้าทรงแยกธรรมิกชนไว้สำหรับพระองค์
จงทราบเถิดว่า พระเจ้าทรงแยกธรรมิกชนไว้สำหรับพระองค์
พระเจ้าทรงสดับฟังเมื่อข้าพเจ้าทูลพระองค์
################
หลังการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ ซาอูลในการรบกับชาว ฟิลิสเตียที่ภูเขากิลโบอา
ดาวิดมีกลุ่มผู้ติดตามขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่ง ท่ามกลางบรรดาเผ่าคนอิสราเอลจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ กษัตริย์ดาวิดยกทัพไปยึดครองเยรูซาเล็ม
(2ซมอ. 5,6) และรวมเผ่าต่างๆเข้าเป็นชาติหนึ่งที่มีเอกภาพและมีการปกครองที่เป็นระบบ
เรื่องราวของกษัตริย์ดาวิด เหมือนละครในปัจจุบัน
มีเรื่องรักๆใคร่ๆ ความรุนแรง และการต่อสู้เพื่อให้ได้อำนาจ อาณาจักรของเขามีลักษณะที่แตกต่างจากอาณาจักรของ ซาอูล ซาอูลมาจากผู้นำที่เป็นแบบบารมีอำนาจ
ไม่มีฐานการสนับสนุนอย่างมั่นคงจากเผ่าต่างๆเขาไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแท้จริงและไม่มีการบริหารที่ได้ผล
ตรงกันข้ามกับเดวิด ที่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและการบริหารที่ได้ผล การปกครองของเขามาจากพระเจ้า โดยพระเจ้า และเป็นของพระเจ้า
เส้นทางการปกครองของกษัตริย์องค์นี้
ไม่ได้สวยหรูไปทุกเรื่อง
พระองค์เคยใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวด้วยความอิจฉาของกษัตริย์ซาอูล(1ซมอ.23:1-14) เคยตกอยู่ในความผิดบาปที่ล่วงประเวณี(2ซมอ. 11) เหตุการณ์หนึ่งที่เจ็ดปวดในชีวิตของกษัตริย์ดาวิดซึ่งบันทึกใน
2ซมอ. 15,16 นั้นคือการก่อกบฏของราชบุตรอับซาโลม อับซาโลมวางแผนการอันฉลาด
ใส่ร้ายผู้เป็นพระราชบิดาของตนเอง
และได้ทรงสัญญากับประชาชนว่าจะกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง
เพื่อให้ประชาชนมีความนิยม ชมชอบในตัวพระองค์มากขึ้น ในที่สุด หลังจากที่ได้วางแผนการมาเป็นเวลาหลายเดือน
อับซาโลมก็
พร้อมที่จะต่อสู้กับพระบิดาของพระองค์เอง
และยึดครองบัลลังก์
เหตุการณ์นี้
ทำให้กษัตริย์ดาวิดหลบหนีด้วยความโศกเศร้าและอัปยศ แต่พระองค์ก็ไว้วางใจ
ในพระเจ้า พระองค์ได้ประพันธ์สดุดีบทที่
3,4 ซึ่งพรรณนาถึงการหลบหนีของพระองค์ สดุดีสรรเสริญสองบทนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจว่าพระเจ้าทรงสดับฟังและตอบคำอธิษฐาน
ทำให้เรามั่นใจว่า
พระเจ้าสถิตกับผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์
ด้วยเหตุนี้พวกเราลองใคร่ครวญสดุดีทั้งสองบทนี้
และเรียนรู้ความมั่นใจ สร้างความเชื่อมั่น และส่งเสริมความวางใจในพระเจ้าอย่างไร
เมื่อ “ศัตรูของ ข้าพระองค์ ทวีมากขึ้นเหลือเกิน”
สดด.3: 1-2 ข้าแต่พระเจ้า ศัตรูของข้าพระองค์ {สรรพนามบุรุษที่หนึ่ง
ใช้เมื่อทูลพระเจ้า} ทวีมากขึ้นเหลือเกิน
คู่อริมากมายเหล่านี้กำลังลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์ 2เขากำลังกล่าวถึงข้าพระองค์ว่า
ในพระเจ้าไม่มีทางรอดสำหรับเขา
“ศัตรูของข้าพระองค์”
ในที่นี้คือ พวกกบฏที่อยู่ฝ่ายอับซาโลม (2ซมอ.15:13
ผู้สื่อสารคนหนึ่งมาเฝ้าดาวิดกราบทูลว่า "ใจของคนอิสราเอล
ได้คล้อยตามอับซาโลมไปแล้ว") แต่ในพระธรรมสดุดีส่วนใหญ่คำนี้ หมายถึง
คนที่เป็นศัตรูของพระเจ้า และของผู้ที่เชื่อพระองค์นั้นคือเป็นผู้ที่รู้จักพระเจ้าแต่ตั้งใจที่จะต่อสู้พระองค์
ออกัสตินปราชญ์คริสต์ศาสนา ให้ความหมายคำว่า “ศัตรู”
ในสดุดีบทนี้คือความชั่วและตัณหาต่างๆ ที่คริสเตียนแต่ละคนต้องต่อสู้ในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นพวกเราสามารถใคร่ครวญแล้วย้อนมาดูชีวิตตนเองได้
กษัตริย์ดาวิดจึงทูลต่อพระเจ้าว่า
“ข้าแต่พระเจ้า ศัตรูของข้าพระองค์ทวีมากขึ้นเหลือเกิน คู่อริ(ศัตรู)มากมายเหล่านี้กำลังลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์
พวกเขากำลังกล่าวถึงข้าพระองค์ว่า
ในพระเจ้าไม่มีทางรอดสำหรับเขา” คำว่า “ทางรอด” หรือ “การช่วยกู้”
ก็คือ “ความรอด” ในสดุดีใช้คำว่า “ทางรอด” หรือ “การช่วยกู้”
เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นการช่วยกู้ทางกายจากสถานการณ์ที่เลวร้ายในการดำเนินชีวิต
แทนที่จะเป็นการช่วยกู้ฝ่ายวิญญาณไปสู่ชีวิตนิรันดร์ ชาวอิสราเอลที่ติดตามอับซาโลม เชื่อว่า
พระเจ้าจะไม่ช่วยกษัตริย์ดาวิด
ให้รอดพ้นหายนะที่มาจากเงื้อมมือของอับซาโลมและพวกเขาได้
สดด.3: 3
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นโล่ล้อมรอบตัวข้าพระองค์ ป้องกันศักดิ์ศรี
ของข้าพระองค์และทรงเป็นผู้ชูศีรษะของข้าพระองค์ไว้
แต่กษัตริย์ดาวิดเชื่อว่าพระเจ้าไม่ได้ละทิ้งเขา
และเขาถือว่าพระองค์เป็นแหล่งแท้จริง
แห่งการปกป้องของเขา ซึ่งก็คือ เป็น“โล่” เป็น“ศักดิ์ศรีของข้าพระองค์” สะท้อนถึงเกียรติของ
การปรนนิบัติพระเจ้านิรันดร์ผู้ได้ปกครองเหนืออาณาจักรของพระองค์อย่างมีสง่าราศี
กษัตริย์ดาวิดรู้สึกมั่นใจว่าพระเจ้าจะนำเขากลับคืนสู่บัลลังก์ของเขา โดยแสดงออกถึงการ “ชูศีรษะ” หมายถึง
ที่จะฟื้นฟูความมีเกียรติและตำแหน่งและสะท้อนถึงความมั่นใจในพระเจ้า
เพราะพระเจ้าได้เลือกดาวิดให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล และไม่ได้เลือกอับซาโลม
อ่านบทความอื่นๆได้ที่ http://theword-2015.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น